'สมชาย' รอลุ้นดาบ 2 ป.ป.ช.สอบอาญา 'แพทองธาร' คดีคลิปเสียง

'หมอมิ้ง-ตัวแทนนายกฯ' กลับทันที ปัดให้สัมภาษณ์ 'พล.อ.สวัสดิ์' สว.ผู้ร้องชี้เป็นบทเรียนสำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ 'สมชาย' เชื่อส่งผล ป.ป.ช.ดำเนินคดีอาญาดาบ 2 ต่อ
KEY
POINTS
- นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ในฐานะผู้สังเกตการณ์ในการฟังคำวินิจฉัย ระบุว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกฯ แล้ว ยังมีคดีที่ต้องลุ้นต่อซึ่งเปรียบเสมือน "ดาบสอง"
- คดีดังกล่าวคือเรื่องที่ค้างอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีการร้องให้สอบสวนนางสาวแพทองธารในคดีอาญา
- นายสมชาย เชื่อว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กร และ ป.ป.ช. จะเร่งรัดดำเนินการในคดีอาญาต่อไป
- ข้อกล่าวหาหลักในคดีที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. คือการกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีส่วนได้เสีย และปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของชาติจากกรณีคลิปเสียง
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2568 ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ โดยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรี ของนางสาวแพรทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ นั้น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนายเดินทางออกจากศาล โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ขณะที่ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะ 1 ใน 36 ผู้ร้อง ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลมีคำวินิจฉัยว่า คำพิพากษาเป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งศาลพูดถึง 2 ครั้งว่า ย่อมรู้ด้วยวิญญูชน เรื่องนี้เป็นการทำหน้าที่ตามความความรับผิดชอบ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ ถือเป็นบทเรียนสำคัญของผู้ดำรงแหน่งนายกรัฐมนตรี และจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อไป
ส่วน นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ชัดเจน คือเป็นการทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง การที่นายกฯแถลงไต่สวนหรือกล่าวอ้างใด ๆ ก็ได้ปรากฏชัด แล้วตามคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งมีรายละเอียดครบถ้วน ตนคิดว่าเป็นคำแถลงที่ตรงไปตรงมาที่สุด เพราะคำร้องนี้มีการร้อง 2 ประเด็น คือร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ไม่ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และการผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่รักษาเกียรติภูมิของประเทศ มีส่วนได้เสีย ตามที่พวกเราได้รับทราบและ พวกตนก็ยืนยันมาตลอด ว่านายกรัฐมนตรีมีความคิดในส่วนนี้
นายสมชาย กล่าวว่า มันมีตั้งแต่ กรณีคดีของนายเศรษฐาทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งก็ชัดเจน และศาลบรรยายพฤติการณ์ทั้งหลาย ในกรณีที่โทรศัพท์ ของนายกรัฐมนตรี มีส่วนได้เสียปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าผลประโยชน์ของชาติ ในเรื่องของคพแนนนิยม เรื่องการถูกไล่ไปเป็นนายกฯ เขมร อยู่แล้ว อันนี้ก็ชัด ในเนื้อหาการเจรจาเราก็เห็นว่า เป็นกายอมรับข้อเสนอของฮุนเซนทั้งนั้น ไม่ได้มีข้อเสนอของฝ่ายไทยเลย ดังนั้นศาลวินิจฉัยโดยชอบแล้ว ทำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะผูกพันทุกองค์กร ซึ่งคดีที่ค้างอยู่ก็มีเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สว.ปัจจุบัน ไปร้อง ผิดจริยธรรม และมีเรื่องที่ตนเอง และคณะที่ไปร้อง และมีประชาชนอื่นไปร้อง ตนเชื่อว่าคำวินิจฉัยก็เข้าในประเด็นที่ร้องอยู่แล้ว ป.ป.ช.ก็คงจะเร่งดำเนินการ เรื่องคดีอาญาต่อไป
เมื่อถามว่าหลังเสร็จสิ้นคดีนี้แล้วจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในฐานะกลุ่มรวมพลังแผ่นดินอย่างไรหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตันยังตอบไม่ได้ เพราะเขามีการประชุมช่วงเที่ยง ซึ่งตนมาฟังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ







