‘เศรษฐา’ ยิงยาว ออนทัวร์ 15วัน เดินสาย4จว. ต่อด้วยบิน3ประเทศ ใน2ทวีป

‘เศรษฐา’ ยิงยาว ออนทัวร์ 15วัน เดินสาย4จว. ต่อด้วยบิน3ประเทศ ใน2ทวีป

“เศรษฐา” ออนทัวร์ใน-นอก ยาวเหยียด ลงพื้นที่ “สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี-ราชบุรี” 10-12 พ.ค. ก่อนประชุมครม.สัญจร 13-14 พ.ค. จากนั้น ทัวร์ยุโรป บินไปฝรั่งเศส 15-16 พ.ค. ต่อด้วย อิตาลี 17-21 พ.ค. ปิดทริปที่ญี่ปุ่น 22-24พ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางไปตรวจราชการ จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และ ราชบุรี ระหว่างวันที่ 10 – 12 พ.ค.67

ขณะที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา มีกำหนดการเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2567 จ.เพชรบุรี และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ระหว่างวันที่ 13 - 14 พ.ค.67 โดยมีกำหนดการ ดังนี้ 

วันจันทร์ที่ 13 พ.ค.67 เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ เยี่ยมชมเทคโนโลยีการกำจัดขยะการบำบัดน้ำเสีย และปลูกป่าชายเลน ณ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี จากนั้น นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการพัฒนามาตรฐานสนามบิน เพื่อรองรับ International flights ณ ท่าอากาศยานหัวหิน ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จแล้วในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมการสาธิตการแข่งขันกีฬาวัวลาน – วัวเทียมไถ ของสมาคมอนุรักษ์วัวลานพื้นบ้าน กลุ่มจังหวัดภาคกลาง (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี)

วันอังคารที่ 14 พ.ค. 67 เวลา 09.20 น. นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการบริเวณอาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ตำบลนาวุ้ง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 3/2567 ณ ห้องประชุมพะนอมแก้วกำเนิด อาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ภายหลังจบการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีไปเยี่ยมชมโครงการตัวอย่างด้านการเกษตรและรวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจ ณ โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ตำบลเขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

“สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ในทุกด้าน มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดแบบครบวงจร จากฐานการค้าการลงทุนการบริการการท่องเที่ยวและการเกษตรสู่ความมั่งคงด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี  อีกทั้งโครงการพัฒนาด้านการเกษตรตามแนวทางพระราชดำริ ที่สามารถต่อยอดเสริมสร้างต้นทุนทางสังคม ประชาชนพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนด้วยศาสตร์พระราชา การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน การพัฒนาแบบมีส่วนร่วมสู่เมืองสร้างสรรค์ระดับสากล ด้วยทุนทางศิลปะวัฒนธรรมการท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากรอัตลักษณ์ท้องถิ่น และศักยภาพของพื้นที่จังหวัด ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบุรีได้เตรียมผ้า ‘ลายสุวรรณวัชร์’ ผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัดเพชรบุรี นำมาตัดให้ ครม. ที่เข้าร่วมประชุมฯ ในครั้งนี้ ซึ่งผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัดเพชรบุรี ‘ลายสุวรรณวัชร์’ เป็นลายผ้าที่ถอดแบบจากลายซึ่งปรากฏบนเสาศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

โฆษกรัฐบาล เปิดเผยอีกว่า นายเศรษฐา และคณะ มีกำหนดการเยือน กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อนำคณะนักธุรกิจไทยร่วมงาน Thailand - France Business Forum & Roundtable ระหว่างวันที่ 15 - 16 พ.ค.67 การเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการ และกิจกรรมคู่ขนาน ระหว่างวันที่ 17 - 21 พ.ค. 67 ณ เมืองมิลาน และกรุงโรม และการเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 22 - 24 พ.ค. 67 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างไทย - ฝรั่งเศส ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วง 3 เดือน ภายหลังการเดินทางเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 7 - 12 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกฯ มีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ เพื่อติดตามผลการเยือนฯ โดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุน อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และ Soft Power พร้อมทั้งนำคณะนักธุรกิจไทยร่วมงาน Thailand - France Business Forum & Roundtable ซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ ในห้วงการเยือนฯ

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งพบหารือทวิภาคีกับนางจอร์จา เมโลนี นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอิตาลี โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระชับความร่วมมือในสาขาที่ไทยและอิตาลี ศักยภาพ อาทิ 1) ด้านพลังงานหมุนเวียน 2) การท่องเที่ยวเชิงกีฬา 3) วิทยาศาสตร์การแพทย์และเภสัชกรรม 4) ด้านกลาโหม รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียน GI ในยุโรป การส่งเสริมธุรกิจ SMEs ด้านอวกาศ และความยั่งยืนทางอาหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมีกำหนดการพบหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ระดับโลกของอิตาลีและจะเชิญชวนให้ภาคเอกชนอิตาลีลงทุนในไทย โดยเฉพาะ ด้านแฟชั่น และ soft power ด้านการเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์ และพลังงาน ซึ่งรวมทั้งจะได้พบหารือกับ ประธาน the National Chamber of Italian Fashion องค์กรที่มีความสำคัญด้านแฟชั่นของอิตาลีอีกด้วย

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจในยุโรป นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาในการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนญี่ปุ่น และดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนญี่ปุ่นเข้ามาในไทยมากขึ้น ซึ่งในการประชุมนี้ ภาคธุรกิจญี่ปุ่นจะสนใจติดตามฟังปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีไทยเสมอ เนื่องจากไทยเป็นแหล่งลงทุนที่ใหญ่ และสำคัญที่สุดของญี่ปุ่นในอาเซียน ซึ่งหัวข้อหลักของการประชุมในปีนี้คือ “Asian Leadership in an Uncertain World” โดยนายกรัฐมนตรีจะเน้นย้ำถึงความยืดหยุ่นในการเมืองและเศรษฐกิจของไทย และโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง