เศรษฐา ขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ถ้าทำไม่สบายใจ เคารพการตัดสินใจ เผย มีคนใหม่แทนแล้ว

เศรษฐา ขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ถ้าทำไม่สบายใจ เคารพการตัดสินใจ เผย มีคนใหม่แทนแล้ว

“เศรษฐา” เผย เคารพการตัดสินใจของ “ปานปรีย์” ไขก๊อก “รมว.ต่างประเทศ” ระบุ ส่วนตัว รักชอบกันกันดี ลูกเป็นเพื่อนกัน รับ ปรับครม. มีคนไม่พอใจ ขอโทษ เชื่อ คนใหม่จะสานต่อสิ่งดีที่ทำไว้ เล็งแล้ว คนทำงานข้างหลังของพท. เป็นทูต โลดแล่นในการการเมือง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีการโปรดเกล้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และการลาออกจากตำแหน่งรมว.ต่างประเทศของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร หลังถูกปรับพ้นจากรองนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องของโผก็อย่างที่บอก ว่าพร้อมแล้วก็จะบอก เพราะมีเรื่องของขั้นตอนที่ต้องได้รับการโปรดเกล้าลงมา บางทีผู้สื่อข่าวถามมา ก็อาจจะไม่เหมาะสมที่ตนจะพูดก่อนมีการโปรดเกล้าลงมา ขอให้เข้าใจด้วยตรงนี้ 

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของนายปานปรีย์ ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของท่าน คบท่านมาหลาย10ปี ลูกก็เป็นเพื่อนกัน จริงๆแล้วส่วนตัวก็รักชอบกันดี ก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน 

เมื่อถามว่า แสดงถึงความไม่พอใจอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนถือว่าตนพูดในแง่ขององค์รวมมากกว่า ในเรื่องการปรับเปลี่ยนหน้าที่หรือคณะรัฐมนตรีต่างๆตนเชื่อว่าคงมีคนที่พอใจ ไม่พอใจ สมหวังไม่สมหวัง จริงๆแล้วตนอยากโฟกัสในสิ่งที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีในระยะเวลา 7-8 เดือนที่ผ่านมาดีกว่า ในเรื่องที่ท่านทำมาเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนก็จะสานต่อในเรื่องดีๆเหล่านี้ 

เมื่อถามว่า ก่อนการปรับได้พูดคุยบอกกล่าวก่อนหรือไม่ และหลังนายปานปรีย์ยื่นหนังสือลาออก ได้พูดคุยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยหรือไม่ ก็มีการส่งข้อความไปหานายปานปรีย์ ในกรุ๊ปที่เกี่ยวกับเรื่องการต่างประเทศ

“ผมก็บอกว่าผมขอโทษ ถ้าเกิดผมทำให้พี่ไม่สบายใจเรื่องอะไร ก็ขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา” นายกฯ กล่าว ก่อนจะระบุต่อไปว่า และเมื่อวันศุกร์ที่ 26เม.ย. ที่ผ่านมา ตนได้เชิญหลายท่านมาพูดคุย นายปานปรีย์ ก็เป็นหนึ่งในหลายคนที่เลือกเข้ามาพูดคุย วันนั้นก็เป็นการสนทนาระหว่างบุคคล2คน 

“ผมมั่นใจว่าผมพูดอะไรไป ผมเชื่อว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมมีความชัดเจนในเรื่องของการที่ผมบอกกล่าวอะไรไป” 

เมื่อถามว่า จะต้องหาบุคคลมาแทนโดยเร็วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ ก็ต้องมีการทูลเกล้าฯรายชื่อใหม่ ระหว่างนี้ ตามประกาศเก่าของครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ดูแลไป 

เมื่อถามว่า มองหาคนใหม่ไว้หรือยัง นายกฯ กล่าวว่า มองแล้วครับ มองตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นใคร ต้องผ่านคณะกรรมการคัดกรองอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ ไม่อยากจะบอกไปแล้วมีความสมหวัง ผิดหวังอีก ก็ต้องเคารพในกระบวนการขั้นตอนต่างๆ 

“ก็ยืนยันว่าจริงๆ แล้วทั้งหมดนี้ เข้าใจว่าคงต้องมีคนไม่ใช่แค่นายปานปรีย์ ท่านเดียว ก็คงมีหลายท่านที่สมหวังและอาจจะไม่พอใจ แต่ก็ยืนยันว่าผมรับผิดชอบต้องมีการพูดคุยกัน” 

เมื่อถามว่า คนที่ดูไว้เป็นคนในพรรคหรือคนนอกแวดวงการเมือง นายกฯ กล่าวว่า พูดลำบาก เพราะท่านอยู่ในแวดวงของการทูต แวดวงการเมืองมา เป็นคนที่ทำงานข้างหลังของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด จิตวิญญาณก็แน่นอนว่ายึดโยงกับพี่น้องประชาชน 

เมื่อถามว่า นายปานปรีย์ ให้เหตุผลลาออก การต้องควบรองนายกฯ ด้วย สำคัญต่อการทำงาน นายกฯ กล่าวว่า ก็มีเหตุมีผล แต่ทุกกระทรวงต้องควบรองนายกฯ ด้วยหรือไม่ หลายตำแหน่งก็ต้องประสานกันกับหลายหน่วยงาน ปัจจุบันก็เชื่อว่าเรามีรองนายกฯ 6ท่านแล้ว เชื่อว่าเพียงพอ ถ้าเกิด9กระทรวงต้องควบรองนายกฯ ด้วย คงเป็นไปไม่ได้ ในแต่ละรัฐบาลก็อย่างที่พูด ไม่อยากต้องมานั่งอธิบายอะไรมากมาย เพราะแต่ละรัฐบาล มีทั้งรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือบางรัฐบาลก็ไม่มีรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ตนเชื่อว่าได้อำนวยความสะดวก มีการช่วยเหลือผลักดันในเรื่องต่างๆ ในเรื่องการทำงานข้ามกระทรวง เช่น วีซ่าฟรี ทำงานข้ามไปกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายความมั่นคง เรื่อง FTA ก็มีกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนการค้าไทย ตนเชื่อว่าเราทำงานเป็นทีมได้อยู่แล้ว และความจำเป็นที่จะต้องมีงานควบ ตนถือว่าอาจจะไม่จำเป็น แต่อย่างที่บอกหลายเรื่องมุมมองของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป เราเองก็มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป แต่ว่าเรายึดโยงกับความเป็นมิตรดีกว่า มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน 

“แต่ถ้าเกิดผมทำอะไรให้ไม่พอใจ ผมก็ขอโทษท่านไปแล้ว มันเป็นเรื่องของการเห็นต่าง ทั้งหมดนี้ผมก็รับผิดชอบพยายามดำเนินการต่อไป เอาจุดมุ่งหมายและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง”

เมื่อถามว่า เสียดายบทบาทของนายปานปรีย์ หรือไม่ ที่ขนาดฝ่ายค้านยังชื่นชม นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าตนเสียดายทุกคนที่มีการเปลี่ยนแปลงไป แต่บริบทของการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ในทุกช่วงเวลาที่เราบริหารประเทศมันมีความจำเป็นหรือความต้องการของการแก้ไขปัญหา โดยต้องมีการเปลี่ยนบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารนิติบัญญัติ ก็ต้องมีการปรับเพื่อให้บุคคลที่เหมาะสมหรือมีความชำนาญมากกว่าในด้านนั้นๆ เข้ามาทำ ไม่ได้หมายความว่าคนที่ถูกปรับออกไปไม่มีความสามารถในการบริหาร แต่รัฐบาลมีอายุ4ปี ในอดีตก็ไม่ใช่ว่าคนที่ออกไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก ก็มีหลายเคส ที่ออกไปแล้วก็กลับมาอีก และมั่นใจการปรับครั้งนี้ ไม่ผิดฝาผิดตัว แต่มุมมองแต่ละคนก็มีความเห็นหรือเข้าใจในบุคคลนั้นๆ ที่จะมาทำงานก็อาจจะแตกต่างกันไป แต่ตนมั่นใจว่าบุคคลที่ดึงเข้ามาทำงานเป็นคนที่มีความสามารถ มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ตรงตามกระทรวงทุกอย่าง 

เมื่อถามว่า มีการเตรียมตำแหน่งปลอบใจให้คนที่ต้องพ้นจากรัฐมนตรีไว้หรือไม่ นายกฯ กล่าว่า ก็การเตรียมงานเดี๋ยวก็ต้องคุยภายในพรรค ตนไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวของรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงมีคนผิดหวังและสมหวังอย่างที่บอก เป็นหน้าที่ตนที่จะต้องบริหารเรื่องของความคาดหวัง เรื่องของหน้าที่ใหม่ๆ คู่ไปไปกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งมีการพูดคุยกันมาตลอดวันนึง 2-3 หนก็มี ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ครม. มีการรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกๆฝ่าย 

เมื่อถามว่า มีรัฐมนตรีอีกคนที่แสดงความไม่พอใจคือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข เพราะช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่การหาเสียงและการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคก็ควบคู่กันมาตลอด นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ นพ.ชลน่าน เพียงคนเดียว ยังมีนายไชยา พรหมา อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์  นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ช่วยทำงาน เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดในช่วงการเลือกตั้ง

“ผมก็เคยพูดว่าพี่หมอชลน่านเองเป็นคนที่ช่วยติวเวลาที่ผมจะลงพื้นที่ รวมถึงการปราศรัยต่างๆ เราก็ต่อสู้ด้วยกันมา แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว หรือมีความขัดแย้งอะไร แต่ก็เข้าใจว่าท่านคงมีความผิดหวัง แต่เดี๋ยวก็คงมีการพูดคุยกัน ก็หวังว่าทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้าได้”