อัยการนัด 23 พ.ค.ชี้ขาดคดี 'จักรภพ' แย้มเตรียมลุยการเมืองถ้าพ้นบ่วง

อัยการนัด 23 พ.ค.ชี้ขาดคดี 'จักรภพ' แย้มเตรียมลุยการเมืองถ้าพ้นบ่วง

อัยการนัด 23 พ.ค.ฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม ลั่นเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แย้มเตรียมลุยการเมืองหากพ้นบ่วง ชี้ 'ยิ่งลักษณ์' ควรได้รับความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม นำตัวนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี อดีตนักการเมืองชื่อดัง พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายจักรภพ ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นอั้งยี่ หลังพบความเชื่อมโยงกับอาวุธสงครามจำนวนมากซุกในบ่อน้ำพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา มาส่งยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10

นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความนายจักรภพ กล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวพร้อมสำนวนมาส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา โดยเดิมทีสำนวนนี้มีการส่งสำนวนเเละมีความเห็นสั่งฟ้องมาก่อนเเล้ว เเตคดีนี้เดิมมีผู้ต้องหาหลายรายในส่วนที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง บางรายทางพนักงานอัยการก็สั่งไม่ฟ้องในภายหลัง ซึ่งเราก็นำประเด็นในคำพิพากษาที่ยกฟ้องจำเลยมายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการในวันนี้ว่านายจักรภพไม่เกี่ยวข้อง โดยทางพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา10 นัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 23 พ.ค. เวลา 10.00 น.

ส่วนนายจักรภพ กล่าวว่า วันนี้ทีมทนายความได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากเรามั่นใจในความบริสุทธิ์ของเราในคดีนี้ และเราเชื่อว่ามีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องจึงทำให้เกิดคดีนี้ขึ้นมา แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้ เนื่องจากเราต้องการเคารพกระบวนการ ตนมีความเคารพในกระบวนการยุติธรรมจึงได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ และที่ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้ผลนำมาสู่การสร้างความกระจ่างเเจ้งให้กับเรื่องนี้เเละตนเอง

“ผมมีความมั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมมีความเปลี่ยนแปลงไปมากและยังเป็นที่พึ่งสุดท้าย ในการให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมในทางสังคมและการเมือง เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะหากไม่ได้รับความเป็นธรรม สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก เป็นการเผชิญหน้าทางการเมือง ถ้าหากกระบวนการยุติธรรมสามารถสร้างความเป็นธรรมเป็นข้อยุติได้จริง ก็เป็นเรื่องที่เป็นข่าวดีสำหรับทุกคนไม่เฉพาะคนในคดีนี้เท่านั้น” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่า หมายถึงคนที่ลี้ภัยในต่างประเทศ เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ในแง่ของกระบวนการยุติธรรมแล้ว เราหมายถึงทุกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทย ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้ประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ถ้าเกิดเป็นคนไทยควรได้รับความเป็นธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกันตามกฎหมาย หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนหรือคนอื่นๆ ก็ยังคงซึ่งความยุติธรรมสำหรับทุกคน ทุกฐานะทุกอาชีพในเมืองไทยต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคดีเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าสู่การเมืองเต็มตัวหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า มี เเต่บอกได้เลยว่าการเมืองไม่จีรัง หมายถึงลงการเมืองในภาพกว้าง เพราะแค่การลงรับสมัครเลือกตั้งหรือการรับตำแหน่งต่างๆเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเมือง การช่วยงานพรรค การช่วยงานกลุ่มการเมืองก็ยังเป็นสิ่งต่างๆ ที่เราทำได้ งานการเมืองที่จะผลักประเทศไปข้างหน้า คงไม่ทิ้งเพราะนี่คือชีวิต ซึ่งระหว่างนั้นถ้าไม่มีอะไรขัดข้องก็อาจจะไปเป็นอาจารย์ หรืออาชีพสื่อมวลชน เพราะสนใจและเป็นอาชีพเก่า ก็คิดว่าคงจะไม่เป็นที่รังเกียจที่จะขอมีบทบาทบ้าง แต่เรื่องใหญ่จริงๆ ก็จะไม่ทิ้งการเมือง