โยนสูตรดึง‘ปชป.’เสียบรัฐบาล โดดเดี่ยวก้าวไกล- สกัดพรรคร่วมฯป่วน

โยนสูตรดึง‘ปชป.’เสียบรัฐบาล  โดดเดี่ยวก้าวไกล- สกัดพรรคร่วมฯป่วน

6เดือนรัฐบาล 2สัญญาณ "อำนาจเปลี่ยน-สมการขยับ" โยนหินสูตร "ดึงปชป." เสียบรัฐบาล เกม2ชั้น "โดดเดี่ยวก้าวไกล-สกัดพรรคร่วมฯอหังการ?"

KEY

POINTS

  • 6เดือนรัฐบาล '2สัญญาณ' เปลี่ยน!
  • ปัดฝุ่น 'ดีลรัก(ไม่ลับ)' ฉบับ 'นายกชาย-นายเก่า?'
  • เกม2ชั้นปล่อยสูตรดึงปชป.เสียบรัฐบาล 'เกมโดดเดี่ยวก้าวไกล-สกัดพรรคร่วมรัฐบาลป่วน'

ครบวงรอบ 6 เดือนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จับตาสัญญาณ“เปลี่ยน” 

เปลี่ยนแรก คือ “เปลี่ยนดุลอำนาจ” หลังการคืนสู่อิสรภาพของ“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย แน่นอนว่าศูนย์รวมอำนาจพรรคเพื่อไทยเวลานี้ ถูกรวบเบ็ดเสร็จภายใต้แบรนด์ชินวัตร

เป็นเช่นนี้อาจหมายรวมไปถึงสัญญาณเปลี่ยนที่สอง นั่นคือ“เปลี่ยนสมการ” โดยเฉพาะดุลอำนาจฝ่ายบริหาร ที่เวลานี้เป็นแหล่งรวมของ 11 พรรคร่วมรัฐบาล รวม 315 เสียง

สัญญาณการ“ปรับครม.” ที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้ ล่าสุดมีการจับตาไปที่ช่วงเดือน มิ.ย. หลังจากที่สภาฯ ผ่านงบประมาณปี 2568 ในวาระแรก เพื่อสกัดแรงกระเพื่อมของขั้วรัฐบาลในการโหวตงบฯ

โยนสูตรดึง‘ปชป.’เสียบรัฐบาล  โดดเดี่ยวก้าวไกล- สกัดพรรคร่วมฯป่วน

ข่าวคราวสูตรใหม่ใน “ครม.เศรษฐา 2”  ที่ถูกปล่อยออกมา ล่าสุดนอกเหนือจากจะเป็นการสลับ-สับเปลี่ยน รวมถึงยึดคืนบางโควตาในซีกรัฐบาลแล้ว

ยังมีการปล่อยสูตรดึง “21เสียง” จากค่ายพระแม่ธรณีในสาย “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”หัวหน้าพรรค เป็นพรรคอะไหล่เสริมแกร่งรัฐบาล รวมเป็น 336 เสียง 

'ดีลรัก(ไม่ลับ)' ฉบับ'นายกชาย-นายเก่า'

อันที่จริงข่าวคราวการเปิด “ดีลรัก”ฉบับเพื่อไทย และปชป.ก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก  

โดยเฉพาะชื่อของ “นายกชาย”เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ซึ่งตามข่าวปรากฏชื่อ ในฐานะตัวเต็งรัฐมนตรี ที่ผ่านมาปรากฏข่าวคราว ทอดสะพานไปยัง “ทักษิณ” ในฐานะนายเก่า ซึ่งเคยมีสายสัมพันธ์กันตั้งแต่ยุคไทยรักไทย

ไล่มาตั้งแต่ช่วงจัดตั้งรัฐบาลเดือน ก.ค.2566 เจ้าตัวยังยอมรับ เคยบินไปพบ“นายเก่า” ช่วงที่บรรดาพรรคการเมืองเดินสายเปิด“ดีลลับเกาลูน” ณ เกาะฮ่องกง ในช่วงจัดตั้งรัฐบาล

กระทั่งวันโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อ 22 ส.ค.2566 “16 สส.” กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยลงมติ “เห็นชอบ” ให้“เศรษฐา”เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30  ยามนั้นมีเสียงลือกระฉ่อน! รัฐสภาเกียกกาย ว่ามีการเปิดดีล หน้าห้องประชุมสภาฯ ในนาทีสุดท้าย ก่อนโหวต

ด้วยความไร้เอกภาพของพรรค ซึ่งเวลานั้นยังไร้“ผู้นำพรรค” จึงถูก “พับดีล” เพื่อให้กลับไปสะสางเรื่องในบ้านของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกจัดอยู่ในสมการพรรคร่วมรัฐบาลในท้ายที่สุด

โยนสูตรดึง‘ปชป.’เสียบรัฐบาล  โดดเดี่ยวก้าวไกล- สกัดพรรคร่วมฯป่วน

ปล่อยสูตรดึงปชป.เสียบรัฐบาล 'เกม2ชั้น'

ข่าวคราวที่ปรากฏออกมา แม้เบื้องหน้า “บิ๊กเนมรัฐบาล” ยืนยันเสียงแข็ง 315 เสียงพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้เข้มแข็ง ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดึงประชาธิปัตย์เข้าร่วม

ไม่ต่างจากท่าทีจากค่ายพระแม่ธรณี ล่าสุด “ราเมศ รัตนเชวง” โฆษกพรรค  ออกมาตอบโต้กลุ่มเสี้ยม ยืนยันว่าประชาธิปัตย์ยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง ส่วนข่าวที่ออกมาให้ไปถาม“คนปล่อยข่าว” 

ทว่า เบื้องลึก ศูนย์กลางอำนาจเวลานี้ ถูกรวมอยู่ที่ “คีย์เมกเกอร์”ไม่กี่คน จึงต้องจับตาว่า “ดีลรักฉบับนายเก่า” จะถูกปัดฝุ่นเร็วๆ นี้หรือไม่

ไม่ต่างจาก “คีย์แมนสีฟ้า”บางคน ก็ใช่ว่าจะปฏิเสธเสียทีเดียว แต่เป็นไปในทำนองสงวนท่าที “ไม่ยอมรับ แต่ไม่ปฏิเสธ”แถมยังเป็นฝ่ายพูดไปถึงชื่อตัวเต็ง“รัฐมนตรี”เสียด้วยซ้ำ หากที่สุดเกิดเกมพลิกขั้วภาค 2 ขึ้นจริง

โยนสูตรดึง‘ปชป.’เสียบรัฐบาล  โดดเดี่ยวก้าวไกล- สกัดพรรคร่วมฯป่วน

โดดเดี่ยวก้าวไกล-สยบพรรคร่วมรัฐบาลป่วน

น่าสนใจว่า การโยนสูตร “ปรับครม.”ออกมาในจังหวะนี้ ทั้งที่ตามข่าวจะมีขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ หรืออีก 2 เดือนข้างหน้า

แน่นอนว่า เกมหวังผลในระยะใกล้  “ดอกแรก” คือการสกัดพลานุภาพฝ่ายค้าน โดยเฉพาะศึกอภิปรายทั่วไป ที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย.นี้  

ไฮไลต์สำคัญน่าจะอยู่ที่นโยบายเรือธง อย่างดิจิทัลวอลเล็ต หรือครหาที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมโยงไปถึง “ทักษิณ” ซึ่งถูกจับตามาตลอดว่า ฝ่ายค้านต่อยสุดหมัดหรือไม่ แค่ไหน 

เป็นเช่นนี้ข่าวคราวในการดึงประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ที่สุดอาจหวังผลไปถึงการสร้างความ“หวาดระแวง” ระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถมยัง“โดดเดี่ยว”พรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคแกนนำไปในคราวเดียวกันด้วย

เหนือไปกว่านั้น การปล่อยสูตรดึง ปชป.ร่วมรัฐบาล ที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้ ยังมีผล “ดอกสอง” ในแง่การสร้างแรงต่อรองระหว่างพรรคแกนนำ และพรรคร่วมรัฐบาล 

ทั้งการใช้เงื่อนไขดึง ปชป.เข้าร่วม หวังบีบ “ยึดคืน”บางโควตารัฐมนตรี จากบางพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแลกกับการคงสถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป

หรือบางพรรคร่วมรัฐบาลที่ก่อนหน้านี้พยายามเดินเกมคว่ำงบฯ 67 หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี

แต่ติดตรงที่แนวร่วมไม่เอาด้วย เพราะยังไม่กล้าหัก “ค่ายนายใหญ่” เนื่องจากเคยมีบทเรียน “ล้มนายกฯ” ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่เกิดแผนรั่ว จนคีย์แมนบางคนถูกเตะออกจากวงโคจร 

มิหนำซ้ำ จะกลายเป็นเกมเข้าทาง “พรรคแกนนำ” ใช้เป็นข้ออ้างในการเขี่ยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอีกด้วย 

ฉะนั้น การโยนสูตรดึง ปชป.ร่วมรัฐบาล ระยะใกล้แน่นอนว่าย่อมเป็นผลดีต่อ“พรรคแกนนำ”ในการสร้างแรงต่อรองภายในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ให้แตกแถวหลังจากนี้