จัดทัพ‘ทหาร-ตร.’ขั้วอำนาจใหม่

จัดทัพ‘ทหาร-ตร.’ขั้วอำนาจใหม่

2 ปีจากนี้ การวางคนในกองทัพและตำรวจจะเริ่มเข้าที่เข้าทางถึงเวลานั้น“เศรษฐา”อาจต้องส่งไม้ให้“แพทองธาร”เข้ามารับช่วงต่อ เป็นนายกฯ หญิงคนที่สองของไทย

อาจต้องรอให้การปรับย้าย “ทหาร-ตำรวจ” ผ่านไปอีกสัก 4 วงรอบ หรือประมาณ 2 ปี เพื่อล้างคนของขั้วอำนาจเก่า วางคนมารองรับขั้วอำนาจใหม่ ปูรากฐานเสริมแกร่ง “เก้าอี้นายกฯ” ของรัฐบาลเพื่อไทยให้อยู่ครบเทอม

ประเดิมโผแรกของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” คือการปรับย้ายตามวาระประจำปีของกองทัพ หรือปรับย้ายกลางปี ไม่มีอะไรหวือหวา เพราะเป็นการปรับย้ายเล็ก เพื่อตอบแทนคนที่กำลังเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2567 นี้

แต่การปรับย้ายปลายปี ต.ค. รับประกันความชุลมุน เพราะรอบนี้ มีผู้บัญชาการเหล่าทัพเกษียณ 3 ตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)

ในส่วน“กองทัพบก” บรรดาเหล่านักวิ่งสี่คูณร้อย เริ่มออกสตาร์ท ประเดิมเขย่าเก้าอี้เต็งหนึ่ง แคนดิเดต ผบ.ทบ.“บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) เสธ.ทบ. จะถูกโยกไปกองทัพไทย รอเสียบเก้าอี้ ผบ.ทสส. ต่อจาก “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี จะเกษียณปี 2568

แม้การปรับย้ายกลางปีที่ผ่านมา “บิ๊กอ๊อบ”จะสนับสนุนคนในดึง “บิ๊กจุ๊ฟ” พล.ท.ชิดชนก นุดฉายา (ตท.26) “ทหารคอเขียว”มาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย วางตัวเป็นเสนาธิการทหาร และดันเป็น ผบ.ทสส.คนต่อไป แต่รับรู้เป็นการภายในว่าแค่ธรรมเนียมปฏิบัติ สุดท้ายแล้วเก้าอี้ตัวนี้ ถูกล็อคไว้ให้ “ทหารคอแดง”

ส่วน “กองทัพเรือ” ยังมีปัญหาวุ่นๆ ทั้ง"เรือดำน้ำ"ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ "เรือสุโขทัย"อับปาง ก็อยู่ระหว่างสอบสวนหาข้อสรุปสาเหตุแท้จริงและหาผู้รับผิดชอบ "เรือฟริเกต"ลำใหม่ถูกตีตกในสภาฯ ทั้งหมดนี้ไม่รู้จะจบก่อน พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม เกษียณฯ หรือลากยาวไปถึง ผบ.ทร.คนใหม่

ปีนี้มีแคนดิเดต 3 คน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) รอง ผบ.ทร. พล.ร.อ.ชลทิศ นาวานุเคราะห์(ตท.23)ผู้ช่วย ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง(ตท.24) เสธ.ทร.

ขณะที่ปัญหาภายในกรมตำรวจ ควันหลงจากศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ระหว่าง “บิ๊กต่อ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ตามดิสเครดิตกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว กลายเป็นซีรีส์ผูกโยงกับหลายคดี ทั้งบ้านกำนันนก ผู้การรักเป้ และเว็บพนันออนไลน์

ปฏิบัติการสาวไส้ให้กากินจึงเริ่มขึ้น ด้วยการทยอยแจ้งข้อหาตำรวจข้างกาย“บิ๊กโจ๊ก” หลังตรวจพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ ส่วนบิ๊กโจ๊กโดนหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน

จัดทัพ‘ทหาร-ตร.’ขั้วอำนาจใหม่

งานนี้“บิ๊กโจ๊ก”ไม่ยอมตายเดี่ยว ไฟเขียว“ทนาย-ลูกน้อง”ตั้งโต๊ะแฉบิ๊กตำรวจรวม 30 นายพัวพันเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะตำรวจชั้นนายพล อักษรย่อ “ต.” ภรรยา “ก.” พี่สาว “จ.” พี่ชาย “ช.”

ก่อนความขัดแย้งจะกลายเป็นไฟลามทุ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างสู้หลังชนฝา จนหาทางลงไม่ได้

 “นายกฯเศรษฐา” ต้องตัดสินใจเซ็นคำสั่งย้าย “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ.ตร.ทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.

หวังรักษาองค์กรตำรวจ ให้เป็นที่ศรัทธาและเชื่อมั่นของประชาชน เพราะหากปล่อยให้ยืดเยื้อ อาจมีชื่อบิ๊กๆ โผล่มาอีกหลายคน จนไปถึง “อภิมหาบิ๊ก”จะยุ่งไปกันใหญ่ และปล่อยให้ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก”ไปวัดบารมีกันเองภายนอกองค์กร

ส่วน นายกฯเศรษฐาเดินหน้าจัดระเบียบกรมตำรวจใหม่เรียก“ผู้บัญชาการ”ทั่วประเทศมารับนโยบายในการปฏิบัติหน้าที่ กำชับความสามัคคีปรองดอง ห้ามแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เร่งเดินหน้าบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนมิติต่างๆ ตามนโยบายรัฐบาล

ให้จับตาการประชุม ก.ตร.นัดหน้า คาดว่าจะมีวาระการขออนุมัติให้ ตร.นำข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 มาใช้ในการแต่งตั้งโดยอนุโลม ซึ่งดูจะเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง “รอง ผบ.ตร.” และ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” แทนตำแหน่งว่างของ“ บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่โอนย้ายไปเป็น “เลขาฯสมช.”

เพราะตามระเบียบการแต่งตั้งตำรวจระดับ “รอง ผบ.ตร.” พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส ส่งผลให้ “บิ๊กจวบ” พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะอาวุโสลำดับ 1 ขยับขึ้นรอง ผบ.ตร. ติดยศ พล.ต.อ.รอชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ปลายปีนี้

เพราะตลอดชีวิตรับราชการตำรวจของ บิ๊กจวบ" อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือเป็นหลัก ทำให้มีสายสัมพันธ์อันดีกับอดีตนายกฯ สายเหนือหลายคน และจะเกษียณอายุราชการปี 2568

ในช่วงที่นายกฯวุ่นๆ กับการจัดระเบียบตำรวจ ฟาก“แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมผองเพื่อนเข้าปฐมนิเทศ

หลักสูตรมินิ วปอ. 23 มี.ค.นี้ ท่ามกลางเสียงชมเปาะจากบิ๊กๆ อาจารย์ “เด็กๆ พวกนี้เขาเก่งทุกคน”

โดยจะเริ่มเรียนต้นเดือนเม.ย.- ก.ย.2567 รวม 438 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 วัน (วันจันทร์ วันศุกร์) เวลา 08.30 - 16.00 น. ไม่นับช่วงของการเดินทางไปดูงาน ไปศึกษาสภาวะแวดล้อมตามประเด็นปัญหาความมั่นคงร่วมทั้งภายในและต่างประเทศ

สร้างคอนเนกชั่นให้“แพทองธาร” นำไปต่อยอดทางการเมือง พัฒนาประเทศในทิศทางใหม่ สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกระยะ เปิดประสบการณ์ สร้างความแข็งแกร่ง จนมีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นมายืนเป็นนัมเบอร์วัน

เพราะปัจจุบัน ทักษิณ ชินวัตร กลับมาแล้ว เหลือเพียง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังหาลู่ทางกันอยู่ และเชื่อกันว่าจะเดินตามรอยพี่ชายกลับมาในเร็ววันนี้ 

สอดคล้องกับการวางคนในกองทัพและตำรวจจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง ถึงเวลานั้น“เศรษฐา”อาจต้องส่งไม้ให้“แพทองธาร”เข้ามารับช่วงต่อ เป็นนายกฯ หญิงคนที่สองของไทย