ถกงบป่วน!'เรืองไกร'แตะอภินิหารภาษี'ทักษิณ' พท.ประท้วงวุ่น

ถกงบป่วน!'เรืองไกร'แตะอภินิหารภาษี'ทักษิณ' พท.ประท้วงวุ่น

ถกงบวาระ2 สุดป่วน!"เรืองไกร" ชำแหละมาตรา9 งบกระทรวงการคลัง แตะอภินิหารภาษี"ทักษิณ" -คดีเทมาเส็ก สส.เพื่อไทย ดาหน้าประท้วงวุ่น

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระ 2

ในช่วงของการพิจารณาใน มาตรา9 กระทรวงการคลัง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 อภิปราายในฐานะผู้สงวนความเห็นในส่วนของกรมสรรพกร พร้อมโชว์เอกสารระบุว่า ตนที่ได้ขอรายละเอียดคำพิพากษา เกี่ยวกับการประเมินภาษี ของนายทักษิณ ชินวัตร ดีตนายกรัฐมนตรี  ผู้ถามคือตน และสรรพากร ก็ส่งคำพิพากษามา ซึ่งเดิมตนเข้าใจว่าเป็นศาลชั้นต้น แต่สรรพากร ส่งเป็นศาลชั้นอุทธรณ์คดีชำนาญพิเศษมา จำนวน 207 หน้า ทางพรรคไทยอาจฟังไปด้วย อย่าเพิ่งประท้วง   

นายเรืองไกรยังกล่าวว่า ซึ่งเอกสารแผ่นที่2 เป็นคำพิพากษาที่2819/2566 ศาลอุทธรณ์คดีชำนาญพิเศษ ลงวันที่2มิ.ย.2566 ระหว่างโจทก์คือ นายทักษิณ และจำเลยที่1 คือกรมสรรพากร และคณะผู้ประเมินอีก3คน ตนไม่ขอเอ่ยนาม เพราะเป็นบุคคลภายนอก เรื่องภาษีอากร ซึ่งจำเลย อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลต้น 

นั่นหมายความว่า โจทก์ คือนายทักษิณ ชนะคดี ซึ่งเรื่องนี้ มาแปลกตรงหน้า4 แผ่นที่3 เพิ่งทราบจากคำพิพากษาซึ่งแต่เดิม มีการไปประเมินปิดหมายกันที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า หลายปีมาแล้ว ตอนนั้นตนก็ดูและทักท้วงไปที่อธิบดีกรมสรรพากร ว่า กรณีนี้ไม่น่าจะถูกต้อง แต่ในคำพิพากษาได้เท้าความว่า สมัยนั้น รองนายกฯได้เรียกหน่วยงานเกี่ยวมาประชุมเรื่องข้อสรุปของศาลฎีกานักการเมือง เกี่ยวกับเรื่องการขายหุ้น ให้เทมาเส็ก ซึ่งเกี่ยวกับลูกชาย และลูกสาวของท่าน และก็ไปพิจารณาว่า หุ้น ยังเป็นของนายทักษิณ กับคู่สมรส  หลังจากนั้นมาก็เกิดมีความคิดแบบที่เรียกว่า อภินิหารทางกฎหมายอะไรสักอย่าง 

ถกงบป่วน!\'เรืองไกร\'แตะอภินิหารภาษี\'ทักษิณ\' พท.ประท้วงวุ่น
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่ออภิปรายมาถึงช่วงนี้ทำให้สส.พรรคเพื่อไทย อาทิ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่าขณะนี้เป็นการอภิปรายงบประมาณจึงขอให้ประธานกำชับให้ผู้อภิปรายมีการอภิปรายอยู่ในประเด็น

โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมได้กำชับให้นายเรืองไกนอภิปรายอยู่ในประเด็นในขอบเขตว่ามีการขอตัดกี่เปอร์เซ็น 

แต่นายเรืองไกร ยืนยันว่า ขอให้พรรคเพื่อไทยฟังให้จบก่อนเพราะตนเสนอปรับลด45ล้านเนื่องจากในชั้นกมธ.สรรพกรได้ไปประเมินภาษีก่อนและมีการฟ้องให้ยกเลิกการเประเมิน45ล้านบาทตนจึงจำนำเรื่องนี้มาอภิปรายให้ฟัง แต่พวกท่านไม่ฟังแล้วคิดว่าผมไปหาเรื่อง 

ทำให้น.ส.นส.ธีรรัตน์ รวมถึงสส.พรรคเพื่อไทย ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงน.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย ได้สลับกันลุกขึ้นประท้วงขอให้ประธานวินิจฉัยให้นายเรืองไกรอภิปรายอยู่ในกรอบ

ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ซึ่งสลับทำหน้าหน้าที่ประชุมได้ตัดบทเข้าสู่วาระการประชุมโดยไม่มีการอภิปรายประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด

หลังอภิปรายเสร็จสิ้นที่ประชุมได้เข้าสู่การลงมติ ผลปรากฎว่าที่ประชุมมีมติ 279 ต่อ158เสียงเห็นด้วยตามที่กมธ.เสียงข้างมากมีการแก้ไข