'โรม' ข้องใจคดี 'ก้าวไกล-44 สส.' ทำเร็วมาก เทียบปม สว.พันคดียาเสพติด

'โรม' ข้องใจคดี 'ก้าวไกล-44 สส.' ทำเร็วมาก เทียบปม สว.พันคดียาเสพติด

'โรม' ข้องใจ 'สภาสูง' จะหมดวาระแล้ว แต่ปม สว.โยงคดียาเสพติดยังคาราคาซัง หวั่นตีความกฎหมายไม่เคลียร์ กระทบล้างบางเครือข่ายฟอกเงิน-ยาเสพติดชะงัก ตัดพ้อทีเกี่ยวกับ 'ก้าวไกล-44 สส.' องค์กรอิสระทำงานรวดเร็วมาก จี้สร้างบรรทัดฐานให้ชัดเจน

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี สว.ใกล้หมดวาระ จะมีผลผูกพันอะไรเกี่ยวกับคดีของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สว. หรือไม่ว่า คงต้องลองดู สว.จะหมดวาระวันที่ 11 พ.ค. ถ้าเทียบเคียงจากคดีของพรรคก้าวไกล หรือคดีของ 44 สส.ก้าวไกล จากกรณีลงชื่อร่วมสนับสนุนในนโยบายแก้ไข มาตรา112 ต้องบอกว่าหน่วยงานองค์กรอิสระทั้งหลายทำหน้าที่ได้รวดเร็วมาก อยากจะรู้ว่าบรรดาองค์กรอิสระจะทำงานรวดเร็วแบบนั้นหรือไม่ มากไปกว่านั้น คือความผิดสำเร็จแล้วก็เอาผิดได้ แม้ในท้ายที่สุดกระบวนการอาจจะเนิ่นนานและพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่หากความผิดสำเร็จแล้วก็สามารถดำเนินการได้ ในส่วนคดีของนายอุปกิต ซึ่งถูกฟ้องในลักษณะเดียวกันก็คงต้องไปดูว่าสุดท้ายแล้วศาลจะตัดสินเรื่องนี้อย่างไร 

“ผมขอบอกไว้เลยว่า จุดประสงค์ของการแถลงข่าวครั้งนี้ ผมกังวลว่าสุดท้ายเราจะแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดไม่ได้แล้ว เพราะถ้าศาลไปบอกว่าจะต้องให้คนที่ทำหน้าที่ฟอกเงินกับคนขนยาเป็นคนเดียวกัน ก็จบ ไม่มีทางหรอก เครือข่ายพวกนี้ทางที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่เก็บความลับ แต่ทางที่ปลอดภัยที่สุดคืออย่าให้มีความลับตั้งแต่ต้น คือไม่รู้จักกันเลย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้ หากเราอยากปราบปรามเครือข่ายยาเสพติด หากศาลจะใช้แนวทางเหล่านี้เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดี ศาลต้องมีคำตอบให้กับผู้ปฏิบัติทุกคน แล้วเช่นนี้ต่อไปตำรวจจะจับผู้ร้ายอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ตนเป็นห่วงจริงๆ และจริงๆ แล้วเรื่องนี้ตนไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เมื่ออ่านคำพิพากษาแล้วตนคิดว่า มันมีปัญหาเรื่องของการฟอกเงินอย่างมากที่ทำให้ตนไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาเรื่องของการฟอกเงินและยาเสพติดอย่างไร นี่จึงเป็นโจทย์ที่อยากให้บรรดาผู้พิพากษาทั้งหลายที่ทำหน้าที่อยู่ในศาลสถิตยุติธรรม ซึ่งหากอ่านคำพิพากษาของคดีวรวัฒน์ จะพบว่าควรต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จริงๆ และไม่อยากเชื่อว่าหากนำคดีเหล่านี้มาเป็นบรรทัดฐาน ตนคิดว่าตำรวจจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

เมื่อถามว่า เรื่องยาเสพติดเกี่ยวข้องกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป สภาผู้แทนราษฎร จะมีการตรวจสอบเพิ่มอย่างไร นายรังสิมันต์ ในฐานะประธานกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า คงต้องมีการตรวจสอบ แต่กระบวนการไหนที่อยู่ในขั้นตอนศาล เราคงตรวจสอบในกลไกของกมธ.ไม่ได้ แต่สิ่งที่เราต้องสร้างความชัดเจนคือ จะมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเยอะ หากเป็นเช่นนี้ตนก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายาเสพติดแนวชายแดนอย่างไร เราคงต้องหาความชัดเจนในการตีความกฎหมายนี้ให้เจอ 

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า เครือข่ายยาเสพติดขณะนี้เขามีความซับซ้อน เขาไม่คุยกันในแชทแล้วว่าจะมีการส่งยา หรือหากมีก็จะมีเพียงแค่บางระดับ ที่ไม่ใช่ระดับบิ๊กบอส ฉะนั้น ตนคิดว่าเราต้องช่วยกันสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่กมธ.จะสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะไม่ได้มีอำนาจหรือหน้าที่ชี้ขาดทางกฎหมาย จึงต้องให้ศาลที่จะเป็นคนสร้างบรรทัดฐาน