'ณัฐวุฒิ' หนุนนิรโทษเหมารวมคดี112 ชี้คดี'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' โยนกมธ.ศึกษา

'ณัฐวุฒิ' หนุนนิรโทษเหมารวมคดี112 ชี้คดี'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' โยนกมธ.ศึกษา

"ณัฐวุฒิ" มองนิรโทษ ไม่ควรยกเว้นคดีมาตรา 112 เหตุไม่ส่งผลดีต่อองค์กรหรือสถาบันใดเลย ส่วนคดี"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โยนกมธ.ศึกษา พร้อมค้านยุบพรรคการเมือง

ที่รัฐสภานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช.กล่าวก่อนเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ว่ากรณีที่กมธ.มีการกำหนดกรอบหามูลเหตุจูงใจทางการเมือง ในหลักคิดและจุดยืนของตนต่อประเด็นนิรโทษกรรมเห็นว่า ความเคลื่อนไหวอันเกิดขึ้นจากกลุ่มมวลชนต่างๆตั้งแต่ก้อนรัฐประหาร2549 ถึงปัจจุบัน ตอนเชื่อว่าทั้งคนเสื้อแดงและกลุ่มอื่นๆแม้ว่าจะเห็นต่างล้วนมีแรงจูงใจทางการเมือง ตามหลักการและข้อเท็จจริงที่ตนเองสัมผัสและยอมรับ ฉะนั้นหากกมธ.หรือสภาประสงค์ทำให้ความขัดแย้งคลี่คลายลง และหาข้อยุติร่วมกันตนจึงเห็นว่าการนิรโทษกรรมจึงต้องรวมไปถึง ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกคดีความและทุกข้อกล่าวหา แต่ให้ยกเว้นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น และความผิดอันถึงแก่ชีวิต 

 "ฉะนั้นก็พูดกันให้ชัดไปเลยว่าประเด็นที่ยังมีความเห็นต่างในกมธ.คือข้อกล่าวหาอันเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ส่วนตัวผมผมเห็นว่าเงื่อนไขทางการเมืองในปัจจุบันของประเทศเป็นเงื่อนไขที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างน้อยที่สุดในห้วง20ปีที่เราสู้กันมาดังนั้นถ้าหากเราจะคลี่คลายความขัดแย้งกันในวาระนี้ก็ควรขยายพื้นที่ของการนิรโทษกรรมให้ครอยคลุมถึงความผิดรวมถึงข้อกล่าวหาในมาตราดังกล่าวด้วย"
 

นายณัฐวุฒิ ยังทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปสนับสนุนหรือให้ท้ายให้ใครทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดกฎหมายแต่ผมกลุ่มบุคคลจำนวนมากต้องคดีความดังกล่าวอยู่เป็นเยาวชนเป็นคนหนุ่มสาวและเป็นอนาคตของประเทศ

ดังนั้นหากจะมีการนิรโทษกรรมคดีอื่นๆแต่ยกเว้นคดี112 เพียงลำพังก็จะกลายเป็นว่าสังคมก็จะมีคู่ขัดแย้งเพียงคู่เดียว คือกฎหมายมาตราดังกล่าวและผู้ต้องหา ซึ่งในอนาคตจะไม่ส่งผลดีต่อองค์กรหรือสถาบันใดเลย

ส่วนตัวจึงเตรียมที่จะนำข้อเสนอนี้เสนอต่อกมธ.เพื่อนำไปพิจารณาและหาข้อสรุปร่วมกันต่อไป คิดว่าในสังคมไทยที่เราสู้กันมาถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องตั้งหลักในการเริ่มต้นใหม่ได้แล้วคิดว่าถ้าจะจับมือกันทุกฝ่ายเราอย่าปล่อยมือใครเลยแม้บางเรื่องตนจะพูดว่าไม่เห็นด้วยก็ตาม

เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าหากมีการนับรวมคดี112จะทำให้การนิรโทษไม่สามารถเดินหน้าได้ นายณัฐวุฒิ  กล่าวว่าขอความกรุณาว่าอย่างคิดเช่นนั้นเลย แต่ควรตั้งเสาเข็มความคิดให้ตรงกันว่าต้องช่วยกันทำให้เรื่องนี้เดินหน้าไปให้ได้และจบตรงที่ข้อสรุปร่วมกันซึ่งอาจมีเงื่อนไขภายใต้ความคิดเหล่านั้นต่อไป

ส่วนที่มีการมองไปถึงคดีความของทั้งนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับผลกระทบจาคดีการเมือง อดีตแกนนำนปช.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องการเมืองก็จะกลายเป็นตีไพ่ให้กัน แต่ถ้าบอกว่าไม่ใช่ก็จะกลายเป็นตนจะมาสกัดขัดขวาง จึงขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาร่วมกัน

ส่วนการเมืองที่เวลานี้มีการยื่นยุบพรรคการเมือง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าคิดว่าการยุบพรรคไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลยและไม่ได้นำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายไหนฝ่ายที่คิดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่มีพรรคการเมืองถูกยุบก็พิสูจน์มาแล้วตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชนกระทั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ฝ่ายที่ถูกยุบก็ยิ่งบอบช้ำทางการเมือง ตนจึงเอาใจช่วยและหวังว่า จะไม่มีการตัดสินยุบพรรคใดขึ้นมาอีก

ยอมรับว่าสถานการณ์พรรคก้าวไกลเวลานี้อยู่ในจุดที่ล่อแหลมแต่เชื่อว่า แกนนำพรรคน่าจะมีการกำหนดวิธีการรับมือและมีแนวทางที่จะเดินหน้าต่อไป