จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - 'ก้าวไกล' พร้อมชิง 'เพื่อไทย'

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - 'ก้าวไกล' พร้อมชิง 'เพื่อไทย'

“แน่นอน ถ้ามีวาระ ถ้ามีการเสนอนายกฯ คนใหม่ พรรคก้าวไกลพร้อมอยู่แล้วที่จะเสนอคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเราเห็นว่าคุณพิธาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา”

KEY

POINTS

  • "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"  ยกย่อง “ชัยธวัช ตุลาธน” เป็นคนที่มีเซนส์การเมืองหาตัวจับได้ยาก
  • "ชัยธวัช ตุลาธน" มองจุดแข็งของ "พิธา" เป็นคนหัวไว คิดเป็นระบบเร็วมาก พร้อมสำหรับผู้บริหาร
  • “ชัยธวัช” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 10 วัย 45 ปี เป็นพี่ชายในทางการเมืองของ “พิธา” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล วัย 43 ปี
  • "ชัยธวัช" มั่นใจ 100% คดี ม.112 ในศาลรัฐธรรมนูญจะไม่กระทบสถานะของพรรค ไม่ถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล
  • คดีหุ้นสื่อไอทีวี สถานะ สส. "พิธา" ไม่ว่าผลตัดสินจะเป็นคุณหรือโทษ "พิธา" พร้อมเป็นนักการเมืองเหมือนเดิม
  • จุดยืน "ก้าวไกล" ไม่ได้เรียกร้องให้ "ทักษิณ ชินวัตร" ติดคุกหัวโต แต่เรียกร้องแค่ความยุติธรรม เสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคน
  • "ก้าวไกล" เอาแน่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.เศรษฐา ทวีสิน ในปี 2567
  • "พิธา"  พร้อมชิงตำแหน่งนายกฯ หาก "เพื่อไทย" เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ต้องมีการโหวตนายกฯ คนใหม่

การเมืองไทยเข้าสู่ศักราชใหม่ ปี 2567 “พรรคก้าวไกล” ได้ “ชัยธวัช ตุลาธน” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 10 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566

ด้านแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลหนึ่งเดียว อย่าง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เปลี่ยนบทบาทเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค  เพราะถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. จากคำร้องในคดีหุ้นสื่อ “ไอทีวี” ซึ่งหากมีผลลบ “พิธา” อาจต้องพ้นสถานะ สส.ไม่สามารถทำหน้าที่ในสภาฯ ต่อไปได้

ทั้ง “พิธา” และ “ชัยธวัช” ควงคู่กันมาให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงศักราชการเมืองไทยในปี 2567 โดยก่อนจะเริ่มคำถามการเมือง “ชัยธวัช” ได้ตอบคำถามแรกก่อนว่า จุดแข็งทางการเมืองที่ร่วมงานกันมาตลอดกับ “พิธา”เป็นอย่างไร

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

ผู้นำฝ่ายค้านฯ บอกทันทีว่า "จุดแข็งของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นคนหัวไวครับ คิดเป็นระบบเร็วมาก พร้อมสำหรับผู้บริหาร”

ขณะที่ “พิธา” ยกย่อง “ชัยธวัช” ว่า “เขา (ชัยธวัช) เป็นคนที่มีเซนส์การเมืองหาตัวจับได้ยาก ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่คนในพรรคต้องพึ่งพาตรงนี้ได้เรื่องการเมืองคุณจะเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะ แต่คุณจะแยกออกได้ว่าคนนั้นมีเซนส์การเมือง หรือไม่มีเซนส์การเมือง เรื่องพวกนี้ฝึกกันยาก”

ด้วยวัยที่ห่างกันไม่มาก “ชัยธวัช” วัย 45 ปี เป็นพี่ชายในทางการเมืองของ “พิธา” ที่ปัจจุบันวัย 43 ปี ซึ่ง “พิธา”ยังคงบอกว่า “คุณชัยธวัช เป็นคนที่มีเซนส์การเมือง ผมพูดไป เดี๋ยวเขาจะร้องไห้”  ชัยธวัชเริ่มขยับแว่นและมองไปทาง “พิธา” ด้วยสีหน้าอมยิ้ม

“2-3 ปีแรก ในช่วงที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และเขาเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ผมว่าประสบการณ์ที่ได้จากเขา มันมากกว่าที่ได้ เขายิ่งกว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คนนี้ (หัวเราะ)” พิธาเล่าถึงจุดเด่นของ “ชัยธวัช”

"ใครเอาทิชชู่ให้เขา (ชัยธวัช) เช็ดน้ำตาหน่อย" พิธา พูดพร้อมส่งสายตาไปยัง "ชัยธวัช" ก่อนที่ทั้งสองคนจะระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกัน

ขณะเดียวกัน "ชัยธวัช" ยังพูดถึงบทบาทหัวหน้าพรรคก้าวไกลมาเกือบ 4 เดือนว่า มีความแตกต่างกันเยอะกับตำแหน่งเลขาธิการพรรคก้าวไกล

"หัวหน้าพรรคจะถูกเรียกร้องในแบบเลขาธิการพรรคไม่ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำ โดยเฉพาะงานต่อสาธารณะ โดยเฉพาะงานเยอะมากครับ ผมก็รู้แล้วว่าทำไมเขา (พิธา) เป็นหัวหน้าพรรคไม่ค่อยมีเวลาให้ผม" ชัยธวัช ระบุ

นอกจากนี้  "ชัยธวัช" ยังพูดถึงบทบาทใหม่ของเขาในตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า มีเรื่องหลายเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบมากขึ้น และเรียนรู้มากขึ้น เพราะงานผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ได้มีเฉพาะงานในสภาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีงานในตำแหน่ง โดยเฉพาะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ เป็นต้น 

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

แม้สถานะของ “พิธา” จะยังหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. เพราะต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 24 ม.ค. 2567 และบางกระแสยังคงเชื่อว่า “พิธา”ไม่น่าจะพ้นสถานะ สส.และมีสิทธิกลับเข้าสู่สภาฯ อีกครั้ง และเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลเหมือนเดิม

เหตุผลเดียวที่จะทำให้ “พิธา” หยุดเป็นนักการเมืองได้ คือการตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียว ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น

ฟันธง 100% คดี ม.112 ไม่ถึงโทษยุบพรรค

ขณะที่คดีร้อนอย่างการเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเป็นอีกคดีที่พรรคก้าวไกลต้องลุ้นฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 31 ม.ค. 2567

“ชัยธวัช” ยังมั่นใจ 100% คดีดังกล่าวจะไม่กระทบสถานะของพรรค และต่อให้คำวินิจฉัยออกมาไม่เป็นผลดี ก็ไม่ไปไกลถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล

“เต็มที่ที่สุดศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ยุติการกระทำ คือการที่จะเอานโยบายการแก้ไข ปรับปรุง มาตรา 112 ไปใช้ในการหาเสียง ไม่ได้กังวลอะไร วันนี้ก็ยังเดินหน้าวางแผนการทำงาน โดยที่ไม่ได้ประเมินว่าคำวินิจฉัยในวันที่ 31 ม.ค.ต้องยุติการทำงานลง” ชัยธวัช กล่าว

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

ด้าน "พิธา" กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า แม้ผลคำวินิจฉัยจะออกมาในทางใด  ตนยังเป็นนักการเมืองที่พี่น้องประชาชนให้ฉันทามติในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนก็ยังไม่ลืมบุญคุณไม่ลืมความเชื่อใจที่ประชาชนมีให้มา ก็ยังทำหน้าที่ต่อ 

"24 ม.ค. 2567 ก็จะมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับอนาคตทางการเมืองของผม ไม่ว่าจะเป็นคุณเป็นโทษยังทำงานทำหน้าที่เหมือนเดิม แต่ว่าอาจจะเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ถ้าเป็นคุณอาจทำได้ทั้งนอกสภาและในสภา ถ้าเป็นโทษก็ยังทำหน้าที่นักการเมืองของพี่น้องประชาชนเหมือนเดิมไม่ต้องเป็นห่วง"

กระแส "ก้าวไกล" โตขึ้น เข้มแข็งกว่า "อนาคตใหม่"

เมื่อถามว่า ถ้า 2 คดีในศาลรัฐธรรมนูญผลออกมาไม่เป็นคุณกับคุณพิธาหรือทั้งพรรคก้าวไกล มันอาจเป็นเงื่อนไขที่ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเพิ่มกระแสนิยมให้กับพรรคก้าวไกลได้หรือไม่

"ชัยธวัช" ตอบทันทีว่า "ผมไม่อยากจะไปประเมินว่าเหตุการณ์ทางการเมืองแบบนั้น เราไม่อยากจะไปคิดว่าจะหาคะแนนนิยมทางการเมืองจากสถานการณ์ทางการเมืองแบบนั้น แล้วในทางกลับกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่น้องประชาชนจำนวนมากในประเทศนี้ยังสนับสนุนและคาดหวังกับการทำงานของเราต่อในอนาคต และมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางระบบรัฐสภา

“วันนี้พรรคก้าวไกลในวันนี้เมื่อเทียบกับสมัยพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 พวกเรามีความเข้มแข็งมากขึ้นหลายเท่า” ชัยธวัช ย้ำ

เช่นเดียวกับ "พิธา" มองว่า "ไม่ว่าผลคำตัดสินออกมาจะเป็นอย่างไร วิธีการทำงานพรรค หรือของเราก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ถึงแม้จะไม่ได้มีความเสี่ยงอะไร เพราะเราไม่เคยเน้นที่ตัวบุคคลเป็นหลัก 

"พิธา" ชี้ว่า บางคนบอกว่าได้วางแผนในการเตรียมตัวรุ่น 3 รุ่น 4 ไว้หรือไม่ ซึ่งยอมรับว่ามีการเตรียมไว้ แต่ไม่ได้เตรียมเพราะมันมีความเสี่ยง หรือไม่มีความเสี่ยง แต่มันคือการบริหารองค์กรที่ดี

"ในเกมระยะยาว ถ้าเรามองการเมืองของเราเป็นเกมยาวก็ไม่ได้มีผลลัพธ์อะไรกับการทำงานของพวกเรา"

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

ที่ประชุมใหญ่ชี้ขาด "พิธา" คืนเก้าอี้หัวหน้าพรรค

เมื่อถามถึงกรณี หาก "พิธา" ไม่พ้นสถานะ สส.ได้กลับเข้าสู่สภาฯ อีกครั้งจะมีการคืนตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลให้หรือไม่  "ชัยธวัช"  ระบุว่า "ต้องอยู่กับการประชุมสามัญประจำปีของพรรคก้าวไกลที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือน เม.ย. 2567"

ส่วนกระบวนการต่างๆ การทำงานของผู้นำฝ่ายค้านฯ จะกระทบหรือไม่นั้น "ชัยธวัช" ระบุว่า "ไม่กระทบ เพราะผมคิดว่าผมไม่ได้ทำงานในฐานะส่วนตัว ทุกอย่างการทำงานเป้าหมายแผนงานกำหนดโดยพรรคไม่ได้กำหนดโดยตัวผมเอง"

วัฒนธรรมการเมืองไทย อย่ากลัวเปลี่ยนแปลง - หมดได้แล้ว รปห.

สำหรับวัฒนธรรมทางการเมืองไทยที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยในปัจจุบันหรืออนาคต "ชัยธวัช" มองว่า "ที่คิดว่ามีปัญหาและควรยุติได้แล้ว อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง

“ผมคิดว่าตอนนี้วัฒนธรรมทางการเมืองไทยเริ่มเปลี่ยน ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว แล้วจริงๆ ไปไกลกว่า คือถวิลหาความเปลี่ยนแปลง ถ้าเกิดเราช่วยเปลี่ยนแปลงในทางวัฒนธรรมที่ไม่ยึดติดกับอดีต มันจะลดเงื่อนไขปะทะขัดแย้งในทางการเมืองลง"

ขณะที่ “พิธา” บอกว่า “ผมเสริมคุณชัยธวัช คือรัฐประหารครับ สิ่งที่ไม่ควรอยู่ในการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารตามนิยาม ตามประเพณีเดิม อำนาจสูงสุดของประชาชนหากมันจะโดนเตะขา โดนปัดตกตลอดเวลา มันเป็นความอปกติ ที่เราไม่ควรที่จะยอมรับได้”

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

ศัตรูของ "ก้าวไกล" คือความเหลื่อมล้ำ-ปรสิตการเมืองไทย

ถามว่า ศัตรูของฝั่งอนุรักษนิยมคือพรรคก้าวไกลแล้ว ไม่ใช่บางพรรคการเมืองบางพรรคแล้ว ที่เคยเป็นศัตรูขั้วตรงข้าม “พิธา” ตอบว่า “ผมไม่คิดว่าเป็นศัตรูกับใครยกเว้นความเหลื่อมล้ำ คอร์รัปชัน ระบบปรสิตที่กัดกินศักยภาพการเมืองไทย และเอาเปรียบคนไทยด้วยกัน ผมเชื่อว่าเราสามารถทำงานเป็นทีม และสามารถที่ร่วมมือกับหลายๆ ภาคส่วนได้”

"เราไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับใคร ถ้าคนเหล่านั้นไม่ได้เป็นศัตรูกับประชาชนหรือคนไทย นั่นก็คือความยากจน ความเหลื่อมล้ำ คอร์รัปชัน ความสองมาตรฐาน" พิธา ย้ำอีกครั้ง

ด้าน “ชัยธวัช” ระบุว่า พรรคก้าวไกลถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามกับกลุ่มการเมืองหรือพลังทางการเมืองที่เคยมีมาอยู่ในอดีต แต่สุดท้ายตอนนี้ ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่า ก้าวไกลหรือพลังการเมืองใหม่ๆ ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีเหล่านี้เป็นภัยคุกคาม สภาวะแบบเดิมสังคมไทยก็จะเป็นปัญหา

เมื่อถามถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันมีโอกาสที่มีจุดเสี่ยงจะอยู่ไม่ครบ 4 ปีหรือไม่ “ชัยธวัช” ประเมินเบื้องต้นว่า จุดเสี่ยงถ้ารัฐบาลเกิดความขัดแย้งภายในรุนแรง เป็นเรื่องปกติของทุกรัฐบาลที่จะนำไปสู่การกระทบต่อเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าไปทำอะไรผิดพลาด เช่น รัฐบาลปัจจุบันมีความคาดหวังการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ถ้าไม่สามารถดำเนินนโยบายบรรลุเป้าหมายได้ จะเป็นแรงกดดันทางการเมืองที่สำคัญ

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

โต้ข้อครหาไม่กล้าแตะ "ทักษิณ" 

“ชัยธวัช” ยังยกกรณีเรื่อง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ถูกคุมขังภายในเรือนจำเหมือนเช่นนักโทษคนอื่นๆว่ากรณีนี้อาจทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน แต่ไม่ขอประเมินว่ากรณี “ทักษิณ”จะนำไปสู่การล้มรัฐบาลหรือไม่ แต่ก็ต้องพูดด้วยความหวังดีว่า อย่าประมาทจากการเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้

ถามถึงข้อครหาว่ามีการพูดว่าก่อนหน้านี้ว่าพรรคก้าวไกลไม่กล้าแตะคุณทักษิณ “ชัยธวัช” บอกว่า “ไม่เกี่ยวหรอกครับ ผมยืนยันว่าเราทำงานไม่ได้เกรงใจใคร เกรงใจประชาชนอย่างเดียว เพียงแต่เราไม่ได้พูดเรื่องนี้ทุกวัน ต้องบอกว่าจุดยืนของพรรคก้าวไกล"

"เราไม่ได้เรียกร้องให้คุณทักษิณติดคุกหัวโต เราเรียกร้องแค่ความยุติธรรม เสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคน ถ้าคุณทักษิณ สมควรที่จะได้รับการคืนความยุติธรรม คนอื่นๆ ต้องได้ด้วย นี่คือเป้าหมายที่เราต่อสู้ร่วมกันมาตั้งแต่อย่างน้อยหลังรัฐประหารปี 2549"

“แม้กระทั่งต่อสู้ร่วมปกป้องคุณทักษิณในหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้ต่อสู้เรื่องตัวบุคคล แต่เขาต่อสู้หลักการและสังคมที่่ทุกคนปรารถนามีความยุติธรรม เจริญก้าวหน้า ไม่ควรมีระบบกฎหมายหรือระบบนิติรัฐแบบอภิสิทธิชนอีกต่อไป” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำ

เกิดอุบัติเหตุเปลี่ยนนายกฯ พร้อมชง "พิธา" ชิงนายกฯ 

ส่วนกรณีหากพรรคเพื่อไทยเกิดมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ หรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหลัง สว.หมดวาระ “ชัยธวัช” ย้ำว่า พรรคก้าวไกลพร้อมเสนอชื่อ “พิธา”ชิงตำแหน่งนายกฯ คนใหม่อีกครั้ง

“แน่นอน ถ้ามีวาระ ถ้ามีการเสนอนายกฯ คนใหม่ พรรคก้าวไกลพร้อมอยู่แล้วที่จะเสนอคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเราเห็นว่าคุณพิธาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา”

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

เมื่อถาม "พิธา" ว่าเกือบจะได้เป็นนายกฯ แล้วแต่ถูกบางพรรคคว้าตำแหน่งนายกฯ ปาดหน้าไป รู้สึกสะเทือนใจหรือไม่ "พิธา" บอกว่า "ไม่ครับ ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่รู้สึกนิดนึงที่ประชาชนออกมาใช้เสียงถล่มทลาย แล้วก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำตามที่ตัวผมได้หาเสียงไว้ ก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย เพราะว่าตัวเราเองมีวาระที่ค่อนข้างชัดเจน  ตอนช่วงหาเสียงผมก็บอกว่าวาระ 100 วันแรกในการเป็นนายกรัฐมนตรีของผมคืออะไร เรามีเอ็มโอยู 2 ครั้ง ผมเดินสายสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย"

"ที่เคยหลงลืมกันไปช่วงทศวรรษที่สูญหายใน 10 ปีผมคิดว่าเป็นอะไรที่ระยะเวลานาน พอทำให้ศักยภาพของประเทศระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านการทำงานหลายๆอย่าง เช่น การกระจายอำนาจ หรือการสู้กับทุนผูกขาด ให้เศรษฐกิจเติบโตจากฐานรากขึ้นมา ไม่ใช่เศรษฐกิจฐานบนจากกลุ่มคนไม่กี่กลุ่ม ประเทศจะเหมือนคนที่หัวโตแต่ตัวลีบ ไม่มีความเข้มแข็งตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ แต่ถึงยังไงการเป็นฝ่ายค้านมันก็จะเสนอทางเลือกให้ก้บประชาชนได้อยู่แล้ว"

ถามทิ้งท้ายถึง “พิธา”ว่า คนไทยจะได้เห็นคุณพิธา เป็นนายกฯ คนต่อไปใช่หรือไม่ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลอมยิ้มก่อนบอกว่า “จะพยายามให้เต็มที่ครับ”

รอเงื่อนไขสุกงอมยื่นซักฟอก รบ.เศรษฐา แน่

ขณะที่ ชัยธวัช ระบุว่า ภายในปี 2567 จะได้เห็นการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแน่นอน 

“จะเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์ทางการเมืองด้วยและก็ความพร้อมและคุณภาพของข้อมูล” ผู้นำฝ่ายค้านฯ คนปัจจุบัน ระบุ

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'

จับจังหวะเปลี่ยน ‘นายกฯใหม่’ - \'ก้าวไกล\' พร้อมชิง \'เพื่อไทย\'