ปิดฉาก ‘สว.’ยุคคสช. ขยี้ 'นักโทษเทวดา' - ฝากงานปฏิรูป ทิ้งทวน

• สว. ออกมาขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติครั้งแรก ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งมาแล้ว 4 ปีกว่า และดำรงตำแหน่งครบวาระ 5 ปีในช่วงกลางปีนี้
• สว. หลายคนอยู่ในตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติมาอย่างยาวนาน ก่อนการรัฐประหารปี 2557 จนถูกมองว่ามีอาชีพเป็น สว.
• แต่หลังครบวาระ 5 ปี จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ 2 ปี การออกมาแอ๊คชั่นซักฟอกรัฐบาลเที่ยวสุดท้าย จึงเสมือนสร้างเครดิตให้ตัวเอง

งงกันทั้ง ครม.เมื่ออยู่ ๆ สว.ออกมาเปิดประเด็นยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ทั้งที่ไม่เคยปรากฎใช้สิทธิมาก่อน

“เสรี สุวรรณภานนท์” สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา มองว่า สว.ควรทำหน้าที่ขอเปิดอภิปรายให้รัฐบาลชี้แจงในประเด็นปัญหาสำคัญ การทำงานตามนโยบาย และการหาเสียงที่พบว่า 4 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่พบการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

ขณะที่ฝั่งรัฐบาล “เพื่อไทย”พรรคแกนนำ มองไม่ออกว่า สว.จะมาไม้ไหน เพราะเพิ่งเสร็จศึกอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 ไปหมาด ๆ และที่ผ่านมาท่าที สว.ก็เป็นมิตรที่ดีกับเพื่อไทย

จะว่าไปแล้ว โดยกลเกมของ สว.อาจไม่ซับซ้อน เพราะอยู่ในช่วงท้ายของการดำรงตำแหน่ง โดยจะครบวาระ 5 ปี ช่วงกลางปี 2567 แม้หลายคนจะมีอาชีพ สว.ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน ก่อนรัฐประหารปี 2557 ก็อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติมาตลอด

ขณะเดียวกัน เงื่อนไขภายหลังพ้นเก้าอี้ ก็ไม่สามารถไปนั่งเป็นข้าราชการทางการเมือง และองค์กรอิสระได้ ต้องเว้นวรรค 2 ปีตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ ทำให้เวทีที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองมีจำกัด

โชว์ฟอร์มเที่ยวสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่า เกมของ สว.ครั้งนี้ หวังที่จะโชว์ผลงานในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อที่จะเซ็ตอัพตัวเองให้มีที่ยืนทางการเมืองต่อ  โดยเฉพาะจุดยืนบางเรื่อง ที่อยากจะสร้างภาพลักษณ์ ภาพจำให้สังคมอีกครั้ง เพราะในช่วง 4 ปีกว่าที่ผ่านมา สว.จำนวนไม่น้อยแทบจะไร้บทบาท

สว.เสรี บอกโจทย์ล่วงหน้าว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายมี 7 ประเด็นใหญ่ที่สำคัญครอบคลุม การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการปฏิรูป เนื่องจากที่ผ่านมา บทบาทสำคัญของสว. คือการติดตามให้ข้อเสนอแนะรวมถึงรายงานการปฏิรูปประเทศหลายฉบับ ดังนั้นจึงต้องการรับฟังจากรัฐบาลว่าจะสานต่อหรือไม่อย่างไร รวมถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกเสียงประชามติ

เมื่อตรวจสอบประเด็นจากสว.รายอื่นๆ ก็พบว่าบรรดา สว.ต้องการสอบถามถึงแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯคนที่ 30 ตามแนวนโยบายหลายเรื่องที่ถูกฝ่ายค้านและกระแสสังคมตั้งคำถาม

โฟกัสไปที่การกู้มาแจกโครงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่ง สว.จำนวนไม่น้อย วิเคราะห์กันว่า จะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต แม้รัฐบาลจะออกมาบอกว่า “กฤษฎีกา” อาจจะให้กู้เงินมาใช้จ่ายได้ แต่ สว.มองในแง่ของความจำเป็น และผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องวินัยการเงินการคลังได้

ขยี้ 'ทักษิณ' ปมนักโทษเทวดา

รวมถึงยังพุ่งเป้าไปที่แนวทางการ “ปฏิรูปประเทศ” ที่สว.ทำค้างไว้หลายด้าน และต้องการความชัดเจนว่ารัฐบาลจะเดินต่อหรือไม่

ทั้งแนวทางการปฏิรูปตำรวจ ที่ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม แนวทางการปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปท้องถิ่น การปฏิรูประบบประกันสุขภาพ

ขณะที่การข่าวในสภาสูง ระบุด้วยว่า เนื้อหาการซักฟอกรัฐบาลส่วนหนึ่ง สว.จะโฟกัสไปที่ปม“นักโทษเทวดา”ของ “ทักษิณ ชินวัตร” และเรื่องที่สังคมยังคาใจกับเรื่อง“ชั้น 14” ที่มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า “บิ๊กเนมการเมือง”หลายคน เข้าพบ เข้าปรึกษาทางการเมืองได้

ขณะเดียวกัน บรรดา “บิ๊กรัฐบาล” ยังอ้อมแอ้ม ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ชัดเจน โยนเป็นหน้าที่ “กรมราชทัณฑ์” มาชี้แจงแทน แต่ฟังเหตุผลแล้ว ประชาชนยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก

นอกจากนี้ สว.ยังมองว่า ในศึกอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 บรรดา สส. แม้แต่ “ฝ่ายค้าน” เอง กลับไม่กระทุ้งถามพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับปมอภิสิทธิชนของ “ทักษิณ ชินวัตร” มากนัก ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ของสังคม และถูกมองว่าเหลื่อมล้ำกับผู้ต้องขังคนอื่น ๆ

ต้องไม่ลืมว่า บรรดา สว.เกือบครึ่งสภาฯ เคยสู้รบกับ“ระบอบทักษิณ”มาก่อน หากต้องการที่จะแสดงจุดยืนของตัวเอง ก็ต้อง “ปลุกผีทักษิณ”ที่สร้างมากับมือให้กลับมาเป็นประเด็นการเมืองอีกครั้งหรือไม่

แม้นาทีนี้ จะมีเสียงยืนยันในวง สว.ว่า ไม่ได้เป็นการวางเกม ดิสเครดิตการบริหารงานของรัฐบาล แต่ฝ่ายการเมือง และฝ่ายบริหารกลับไม่มองเช่นนั้น เพราะอาการคนดัง คนเบื้องหลัง ยังหวังเพิ่มเครดิตการเมืองให้ตัวเอง 

การทิ้งทวนผลงานด้วยการอภิปรายรัฐบาลก่อนพ้นวาระ ถือเป็นการปิดฉาก สว.ยุค คสช. และแม้จะต้องถูกแช่แข็งไปอีก 2 ปีก็ยังมีเครือข่ายการเมืองพร้อมเรียกใช้บริการ