67 ปีระทึก ‘เศรษฐา’ ‘ทักษิณ’ พ้นบ่วง ติดปีก

67 ปีระทึก ‘เศรษฐา’ ‘ทักษิณ’ พ้นบ่วง ติดปีก

คุณสมบัติสำคัญสำหรับ นายกฯ ของ เพื่อไทย ถ้าไม่ใช่คนใน ตระกูลชินวัตร ก็ต้องเป็นคนที่บิ๊กบอสไว้ใจ ที่สำคัญต้องคอนโทรลได้ แต่ก็ไม่แน่ว่ากรณี”เศรษฐา“ จะยกเว้นหรือไม่ เพราะอาจถือตั๋วพิเศษ ระดับน้องบอส จนทำให้มั่นใจ ประกาศอยู่ครบ4ปี

สถานการณ์การเมืองตลอดปี 2567 ของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน มีโอกาสเจอบททดสอบสำคัญรออยู่มากมาย จนเห็นความแตกต่างจากช่วงฮันนีมูน หรือไตรมาสสุดท้ายปี 2566 อย่างสิ้นเชิง 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เศรษฐา เน้นการเดินสายลงพื้นที่แต่ละจังหวัดเป็นว่าเล่น จนแทบไม่มีเวลาอยู่ออฟฟิศ หรือนั่งทำเนียบรัฐบาล เพื่อลุยกำกับติดตามงานสำคัญๆ แถมยังเน้นเดินสายต่างประเทศร่วมเวทีต่างๆ จนนิยามให้ตัวเองเป็นเซลล์แมนประเทศไทยไปแล้ว 

ทว่าหลังจากนี้การเมืองจะค่อยๆ ทวีความเข้มข้น วาระสำคัญหลายเรื่องของรัฐบาล กำลังจะเข้าสภา ทั้งการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48ล้านล้าน ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา 

นอกจากนั้น ยังมีคิวเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่คาดว่าจะมีขึ้นช่วง มี.ค.หรือเม.ย.67 ในจังหวะไล่เลี่ยกันนั้น จะเป็นช่วงที่ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเกณฑ์พักโทษพอดีในช่วงปลาย ก.พ.67 

หรือการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต กู้แจก 5 แสนล้าน ก็ต้องผ่านสภาออกกฎหมายรองรับ ดังนั้น บรรดาเรื่องใหญ่ ชี้เป็นชี้ตายทางการเมือง เมื่อต้องไปอาศัยเสียงโหวตสนับสนุนของสส. ย่อมมีความสุ่มเสี่ยงทุกย่างก้าวสำหรับรัฐบาล และคนเป็นนายกฯ 

อำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เว้นแม้แต่สส.เพื่อไทย เองจะเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงที่มีโหวตลงมติวาระสำคัญ 314 เสียงที่เศรษฐา มั่นใจว่าเข้มแข็ง โค่นลงยาก สถานการณ์ก็อาจพลิกผัน ถ้าบิ๊กบอสตัวจริงเพื่อไทยทึกทักอยากเปลี่ยนเกมขึ้นมา เอาช้างมาฉุดก็คงไม่อยู่ 

เพราะในปี 67 ถ้าไม่นับการได้พักโทษ ทักษิณจะครบกำหนดรับโทษ 1 ปี ช่วงปลายส.ค.67 หรืออาจพ้นโทษเร็วกว่านั้น หากได้รับการลดโทษ หรืออภัยโทษเพิ่มเติม ก็จะได้เป็นอิสระ และในช่วงพ.ค.67 สว.ชุดปัจจุบันจะครบวาระ โอกาสเลือกนายกฯ ใหม่ก็ทำได้ง่ายขึ้นถ้าบิ๊กบอสอยากจะทำ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายของคนเป็นนายกฯ โดยเฉพาะหากเป็นคนที่เป่ากระหม่อมแล้ว ก็ยังไม่เปลี่ยนความเป็นตัวของตัวเอง   

บางคนในเพื่อไทย มองข้ามช๊อตไปไกลแล้ว ถ้าถึงช่วงหาเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไป มีไอเดียจะให้ทักษิณ มาเป็นผู้ช่วยหาเสียงกันเลยทีเดียว แต่กว่าวันนั้นจะมาถึง มีเรื่องอื่นให้เศรษฐาต้องกรำศึกอีกเพียบ

หนึ่งในนั้นคือการปรับครม. สเต็ปแรกอาจเกิดขึ้นในช่วงหลังปีใหม่ ในสัดส่วนที่ยังว่าง 2 ตำแหน่งเดิมของเพื่อไทย และพลังประชารัฐ รายชื่อตามโผ พิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะมาในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในโควตารมช.พาณิชย์ 

ความเคลื่อนไหวในมุ้งพลังประชารัฐ อาจจะเห็นการขอสลับเก้าอี้กันเองภายใน ของสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ที่เริ่มออกอาการไม่แฮปปี้กับตำแหน่งหมอสันฯ ของตัวเอง หมายตาอยากไปนั่งรมช.พาณิชย์ แล้วให้ไผ่ ไปนั่ง รมช. สาธารณสุข สวมบทหมอไผ่แทน ก็ต้องจับตาว่าจะออกสูตรนี้หรือไม่อย่างไร 

ภูมิใจไทย เองหลายคนในพรรคก็ภาวนาอยากให้มีการแลกเก้าอี้รัฐมนตรีกับเพื่อไทย เพราะไม่แฮปปี้กับกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับความรู้ การวิจัย และการศึกษา ที่ต่อยอดการบริหารจัดการภายในพรรคตัวเอง และขยายฐานการเมืองแทบไม่ได้ แถมยังมีคนที่รอขึ้นรมต.อีกไม่น้อย ตามโควตาชนะเลือกตั้งที่ยกจังหวัดมา 

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ยังค่อนข้างนิ่ง ดูเหมือนยังไม่ได้รับสัญญาณการปรับใดๆ จากนายกฯ แต่ในสัดส่วนของเพื่อไทย ทุกวงรอบ6เดือนหรือ1ปี รัฐมนตรีหลายคนอาจหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะโควตาตอบแทนมีวันหมดอายุ และมีแคนดิเดตที่รอขึ้นอีกเพียบ 

แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ช่วงเวลาปรับอาจยืดออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ ในจังหวะที่รัฐบาลต้องโฟกัสเกมสภาในการโหวตวาระสำคัญ เพื่อประคองสถานการณ์ให้นิ่งที่สุด ป้องกันปัจจัยแทรกซ้อนที่ทำให้รัฐบาลยางรั่ว 

คิวปรับครม. จึงมีโอกาสได้เห็นค่อนข้างแน่ แต่คิวปรับเปลี่ยนตัวนายกฯ นับตั้งแต่นี้ ก็ต้องจับจ้องอย่ากระพริบตา เพราะถ้าดูจากอดีตจะเห็นปัจจุบัน และอาจคาดการณ์ได้ถึงอนาคต 

คุณสมบัติสำคัญสำหรับนายกฯของเพื่อไทย ถ้าไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตร ก็ต้องเป็นคนที่บิ๊กบอสไว้ใจ ที่สำคัญต้องคอนโทรลได้ แต่ก็ไม่แน่ว่ากรณีเศรษฐาจะยกเว้นหรือไม่ เพราะอาจถือตั๋วพิเศษ ระดับน้องบอส จนทำให้มั่นใจ ประกาศอยู่ครบ4ปี 

หรือโควตาที่เศรษฐาได้อยู่ตอนนี้ ก็เป็นตั๋วตอบแทนที่มีวันหมดอายุอีกไม่นานจากนับนี้ แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ต้องแปลกใจที่ใครต่อใครจะนิยามให้บิ๊กบอส เป็นผู้กำหนดเกมในรัฐบาลเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง