3วันผลัดใบ ปชป.ยุค‘เฉลิมชัย’ เลือด(สีฟ้า)ไหลไม่หยุด

3 วัน ประชาธิปัตย์ “ยุคผลัดใบ” หลังที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 มีมติด้วยคะแนนสัดส่วนน้ำหนักร้อยละ 88.5 เห็นชอบให้ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ หรือ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ไป

ทว่าปชป.ในยุคผลัดใบ ยังคงเกิดปรากฎการณ์ “เลือดสีฟ้า” ไหลออกอย่างต่อเนื่อง 

ไล่ตั้งแต่ วันที่9ธ.ค.  “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศกลางที่ประชุมหลังถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค 

 ผมขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยืนยันกับทุกท่านที่นี่ ผมไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดผมมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณีที่จะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้บ้านเมืองต่อไป วันข้างหน้าถ้าในพรรคคิดว่าผมจะเป็นประโยชน์มาช่วยได้ ผมก็คงไม่ปฏิเสธ แต่วันนี้เพื่อให้ท่านที่มีสถานะ และจะมีอำนาจในการบริหารต่อไป ทำงานด้วยความสบายใจ ทำงานตามแนวทางอย่างเต็มที่ ไม่ต้องหวาดระแวงเรื่องผม เรื่องใคร ใด ๆ ทั้งสิ้น ก็ขออนุญาตที่จะลาออก

คล้อยหลัง ไม่กี่ชั่วโมง “สาธิต ปิตุเตชะ” อดีตสส.ระยอง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)แถลงลาออกจากสมาชิกพรรคด้วยเหตุผล 4 ข้อเนื้อหาโดยสรุป ว่า

1. สถานการณ์ของพรรคมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงอุดมการณ์เป็นอย่างมาก และจากที่มาร่วมประชุมรู้สึกว่าเป็นการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคเหมือนกับรู้ผลมาก่อนล่วงหน้า เพราะฉะนั้นทิศทางทิศทางและแนวทางทางการเมืองของพรรคที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ ตนเห็นว่าละทิ้งอุดมการณ์ของพรรค จะเห็นได้จากเหตุการณ์การจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา มีการไปลงมติให้นายเศรษฐา ทวีศิลป์ เป็นนายกฯ ทั้งที่พรรคมีมติแล้วว่า ให้งดออกเสียง นั่นคือความชัดเจนว่าทิศทางของพรรคในเชิงอุดมการณ์เปลี่ยนแปลง

2. มีคนกลุ่มหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญกับคำว่าพรรคพวกมากกว่าจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน และมากกว่าอุดมการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานของพรรค เราอาจจะเห็นทิศทาง ในการนำพาพรรคในอนาคตอย่างชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร ทางการเมือง เพราะปราศจากจุดยืนทางการเมือง

3. ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เปิดโอกาสให้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งที่ ในที่ประชุมมีผู้เสนอตัวลงสมัครหัวหน้าพรรค โดยต้องใช้การงดเว้นข้อบังคับ โดยใช้เสียง 3 ใน 4 แต่ปรากฏว่า ไม่ให้ลงสนามเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นจึงถือว่าการเปลี่ยนแปลงของพรรคไม่เป็นไปในทิศทางที่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน แต่ใช้ความเป็นพรรคพวกมาตัดสินทุกเรื่องในการนำพาพรรค

 4. คนที่จะมานำพาพรรค ไม่รักษาสัจจะวาจา อย่าว่าแต่เป็นผู้บริหารพรรคเลย เป็นนักการเมืองก็เป็นไม่ได้ เพราะคำพูดและสัจจะที่เราให้ไว้กับประชาชนในที่สาธารณะ เปรียบเสมือนนโยบายที่ต้องรักษา นักการเมืองที่ดีต้องพึงรักษา

วันเดียวกัน ยังมีในส่วน "สุรันต์ จันทร์พิทักษ์"  อดีตสมาชิกสภากทม. อดีต สส.กทม. น้องชายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตสส.กทม. 

โพสต์ข้อความ “ขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทพ.สุรันต์ จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภากรุงเทพฯ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

วันที่11 ธ.ค. ยังมี กาญจนี วัลยะเสวี หรือ “ติ๊งต่าง” เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับ และแกนนำกลุ่ม​ชาวไทยหัวใจรักสงบ แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความ #ขอหยุดพัก หลังจากได้ร่วมเดินทางปกป้องพรรคปชป.มายาวนาน มาถึงวันนี้จะขอหยุดพักเสียที เหตุเพราะ

1. ดิฉันไม่เชื่อถือในตัวหัวหน้าพรรคและทีมงานบางคน

2. ไม่เชื่อว่าจะมีความสามารถทำให้พรรคเป็นที่ยอมรับในสังคม

3. ในเวลานี้พรรคตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดิฉันและปชช.อีกมากมายต้องการผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ #มีจุดยืนชัดเจนมานำพรรค

#ดิฉันเป็นคนชัดเจนไม่ใช่พวกอีแอบ แอบไปต่อสายใครบางคนเพื่อให้ได้ประโยชน์

นอกจากนี้ยังมี อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีตสส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ภาพ คลิป พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ว่า... สจฺจํ เว อมตา วาจา

ขอบพระคุณท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์ ที่เป็นแบบอย่างนักการเมืองที่ดีมาโดยตลอด ยังคงรัก ศรัทธา และเป็นกำลังใจให้ท่านหัวหน้าตลอดไป

25 ปีกับชีวิตนักการเมืองที่ไม่เคยเปลี่ยนพรรค พูดได้เต็มปากว่า เลือดฟ้ามันข้น กรีดมายังงัยก็ฟ้าแน่นอน

ตุ๋ย ยังคงรักพรรคไม่เสื่อมคลาย แม้วันนี้ต้องตัดสินใจที่ฝืนความรู้สึก ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรคที่รักที่สุด แต่จะไม่ไปไหน ยังคงอยู่ตรงนี้ เฝ้ามองด้วยความหวังดีและห่วงใยตลอดไปค่ะ

#ประชาธิปัตย์

#DemocratParty

ถัดมาคือ "สาทิตย์ วงศ์หนองเตย"  อดีต สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โพสต์ข้อความ

คิดหนักมา ๒ วัน แม้ยังยึดมั่นในอุดมการณ์

แต่ในวันที่จิตวิญญาณประชาธิปัตย์มิอาจเปล่งประกาย

หลังหารือทีมงานที่สู้ร่วมกันมากว่า ๒๘ ปี

จึงตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์……

ด้วยรักและผูกพัน

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย

รวมทั้ง  วิบูลย์ ศรีโสภณ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดชีพตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2541 หมายเลข 41322781 

 ให้เหตุผลที่ตัดสินใจลาออกว่า

1. อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนไป เน้นใช้เงินสร้างพรรรคและสส.ในสมาชิกพรรค

2. หัวหน้าพรรคตระบัดสัตย์ ไม่รักษาคำพูด ไม่สามารถให้การเคารพได้อีกต่อไป

3. หัวหน้าพรรคสร้างทัศนคติให้สส.ในพรรคขาดความเคารพ กระด้างกระเดื่องกับอดีตหัวหน้าพรรค สร้างความแตกแยกในพรรค ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนตลอด77-78ปี

ยังไม่นับรวม ในส่วนที่ ขอพิจารณา-ทบทวนตัวเอง 

ทั้ง มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค แคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 และสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา บุตรชายนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรค

จับตาปชป.ยุคผลัดใบ ผ่าน3วันหลังได้หัวหน้าพรรคคนที่9ที่ชื่อ “เฉลิมชัย” ผู้มีวลีติดปาก “คำไหน-คำนั้น” ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม จะดำเนินไปในทิศทางใดหลังจากนี้!