'ก้าวไกล' รับพรรคไม่เพอร์เฟค ปมตั้งญาตินั่ง ผช.สส. ไม่ปล่อยผ่าน ขอเวลาสอบ

'ก้าวไกล' รับพรรคไม่เพอร์เฟค ปมตั้งญาตินั่ง ผช.สส. ไม่ปล่อยผ่าน ขอเวลาสอบ

'ก้าวไกล' รับข้อวิจารณ์ แต่งตั้งญาติเป็นผู้ช่วย สส. พร้อมทบทวนหารือวางมาตรฐาน 'โรมรับ' พรรคไม่เพอร์เฟค แต่ไม่ปล่อยผ่านเรื่องฉาว ขอเวลาตรวจสอบก่อน

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายอภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแต่งตั้งคนในเครือญาติเป็นผู้ช่วย สส. ว่า พรรคก้าวไกลยืนยันว่าพรรคไม่ได้ปล่อยปละละเลยเรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วย สส. และทุกคนในพรรคเข้าใจตรงกันว่าการตัดสินใจแต่งตั้งคนในเครือญาติเข้ามาทำงานในทีม ย่อมเป็นสิ่งที่จะถูกสังคมตั้งคำถามและตรวจสอบถึงเหตุผล 

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า โดยเราได้ให้นโยบายกับ สส. อย่างชัดเจนว่าจะต้องไม่มีการแต่งตั้งญาติพี่น้องเป็นผู้ช่วยสส. โดยมารับเงินเพียงอย่างเดียว แต่หากจำเป็นต้องพิจารณาแต่งตั้งคนในครอบครัว จะทำได้ ต่อเมื่อบุคคลนั้นได้รับการคัดเลือกจากความเหมาะสมและความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เข้ามาทำงานจริงด้วยความพร้อมและความทุ่มเท เพื่อให้งานของ สส. ซึ่งต้องประสานกับประชาชนและหน่วยงานต่างๆ สำเร็จลุล่วง

นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า อย่างก็ไรตาม พรรคก้าวไกลรับฟังและเข้าใจข้อวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของแนวทางดังกล่าว เราขอน้อมรับและจะนำทุกความเห็นมาพูดคุยภายในพรรคเพื่อพิจารณาทบทวนวางมาตรฐานเรื่องนี้ต่อไปโดยเร็ว

วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี เขต 3 พรรคก้าวไกล แต่งตั้งสามี เป็นผู้ช่วย สส. รับงานเอนเตอร์เทน และจัดหาเด็กชงเหล้าปาร์ตี้ชาย-หญิง ส่งแถวภาคตะวันออก ว่า ตนยังไม่ได้คุยกับน.ส.ญาณธิชา ในเรื่องนี้ เพราะช่วงนี้ปิดสมัยประชุม เข้าใจว่าคงจะโฟกัสกับงานพื้นที่แต่แน่นอนว่าเมื่อมันมีประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมในการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว

"ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกลเราไม่อยู่เฉย ที่ผ่านมาคิดว่าเราพิสูจน์มาพอสมควรว่า ถ้าเป็นประเด็นที่มันมันมีปัญหาจริงๆ เราก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ให้มันถูก เรายอมรับคำว่าเราอาจจะไม่ได้เพอร์เฟค เราพยายามสร้างมาตรฐานใหม่กับการเมือง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยอมรับว่า เราก็อาจจะเจอกับปัญหากับความท้าทายที่เกิดขึ้นในพรรคของเรา แต่สิ่งหนึ่งที่เราพยายามสร้างมาตรฐานมาโดยตลอดก็คือ ใครก็ตามถ้าทำผิด แล้วมันผิดจริง เราไม่เคยปกป้อง" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ถ้าเกิดว่าผิดพลาด ไม่ถูกต้อง เราก็พร้อมที่จะแก้ไขพร้อมที่จะทำให้มันดีขึ้น ตั้งแต่มีเรื่องของเมาแล้วขับ ประเด็นทางเพศ เรายอมรับครับพรรคเราใหญ่ขึ้น เราอาจจะเจอกับจุดที่มีปัญหาอยู่บ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นสังคมก็เห็นว่า เราตัดสินใจกันอย่างไร ยืนยันว่า เราไม่เคยอยู่เคียงข้างปกป้องผู้กระทำความผิด ถ้าเขาผิดจริง แต่เราอาจจะขอเวลานิดหนึ่งในการตรวจสอบ และตนคิดว่าถ้าอย่างเรื่องการตั้งคู่สมรสมา จริงๆ ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะต้องเปิดกันทั้งหมดว่า สส.ในสภาฯ ว่า มีใครบ้างที่ตั้งคู่สมรสมาเหมือนกัน ที่เราจะได้ใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบนักการเมือง คาดว่าน่าจะมีหลายคนเอาคนในบ้านมาตั้งในตำแหน่งสำคัญๆ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของสังคมที่คาดหวังต่อเรา ซึ่งเราก็ต้องน้อมรับ ก็เป็นกระจกที่สะท้อนมาต่อเรา สิ่งที่เราต้องทำก็คือปรับปรุงตัวเองให้มันดีขึ้น เราก็ยืนยันว่าในวิกฤตมันก็มีทั้งโอกาส พรรคจะเข้มแข็ง พรรคจะเป็นสถาบันทางการเมืองพรรค จะเติบโตอย่างแข็งแรงได้หรือไม่ บางครั้งมันก็ต้องเจอกับความท้าทายในเรื่องของวิกฤตทุกวิกฤตที่เราทำ เราก็พยายามสร้างมาตรฐานใหม่ๆ แล้วเราก็หวังว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างถาวร และจะเห็นว่าหลายๆ พรรคมันก็มีปัญหาในเรื่องตัวบุคคล แต่ว่าความน่าเจ็บปวดในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนคนธรรมดา หรือแม้กระทั่งตนเอง เมื่อเจอกับการกระทำความผิดในหลายๆ ครั้ง เราพบว่ามันมีความช่วยเหลือกันมันมีความพยายามในการปกป้องกัน ทำจนถึงขนาดกระบวนการยุติธรรมในหลายๆ ครั้ง ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ก้าวไกลพยายามไม่เป็นแบบนั้น คือการปกป้องกัน คือการช่วยเหลือกัน ที่ผ่านมาเรามีบทเรียน และเราจะใช้วิกฤตคัดคนให้เข้มขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของสส.จันทบุรี ขอเวลาให้พรรคได้มีการพูดคุยกัน ได้มีการตรวจสอบกันเดี๋ยวเราก็คงจะได้มีการพูดคุยชี้แจงต่อสังคมต่อไปในอนาคต

นายรังสิมันต์ กล่าวยอมรับว่า ไม่ปฏิเสธว่ามีเรื่องพวกนี้เข้ามา ตอนนั้นก็โดนโจมตีเรื่อยๆ คือต้องยอมรับว่า เราอยู่ในการเมืองยุคใหม่ที่ฝ่ายค้านโดนตรวจสอบมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่นักการเมืองทุกๆ คน ก็ควรจะได้รับการตรวจสอบ เพราะว่ารับเงินภาษีจากประชาชนเป็นเงินเดือนทั้งสิ้น ดังนั้น การตรวจสอบที่เกิดขึ้นเราก็ต้องรับไป

"ในส่วนที่เราพยายามทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล ก็เป็นส่วนที่เราเองเรียกร้องต่อสังคมให้ช่วยกันเป็นพลังในการตรวจสอบ เข้าใจว่าสังคม สื่อมวลชนให้ความสำคัญกับเคส สส.จันทบุรี แต่ก็พยายามเรียกร้องว่า เราก็ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบซึ่งเป็นประโยชน์ของสาธารณะอย่างเรื่องของตั๋ว ไม่ว่าจะเป็น ‘ตั๋วสร.1’ หรือกรณี‘สว.ทรงเอ’ ที่มีส่วนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นักการเมืองระดับนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เชื่อว่าถ้าเป็นประเทศอื่นโดนข้อกล่าวหาขนาดนี้ ในทางการเมืองคุณไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือไม่ หรือจะเป็น สว.ไปเรื่อยๆ ใช้เอกสิทธิ์ความคุ้มกันต่อไป คือตรงนี้เราต้องการพลังสนับสนุนจากสังคมให้ช่วยกันในการตรวจสอบ เราจะได้เอานักการเมืองที่ไม่ดีออกจากระบบการเมืองทั้งหมด คือสิ่งที่เราก็ต้องช่วยกัน" นายรังสิมันต์ กล่าว

ดังนั้น เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด พยายามทำให้มาตรฐานของพรรคก้าวไกล ซึ่งแน่นอนเรายอมรับว่าเราไม่เพอร์เฟคยังมีปัญหา แต่เราพยายามทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่หลายๆ เรื่อง ที่เราพูดออกมา ซึ่งมันเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ดี

ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดย (ป.ป.ส.) มีการอายัดทรัพย์สิน นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้เบื้องต้นตนกำลังรอว่า ทรัพย์สินที่จะไปยึดกันจะมีการช่วยกันหรือไม่ วันนี้เป็นสัญญาณที่ดีที่รักษาการเลขาธิการ ป.ป.ส. ซึ่งตนยอมรับว่าค่อนข้างเอาจริงเอาจัง แต่ว่าขอดูในรายละเอียดด้วย ถ้าสมมุติว่ามีการยึดอายัดทรัพย์สินไป ที่ตนกังวลคือ ออฟฟิศสำนักงานตึกที่อยู่ตรงอารีย์จะมีการยึดอายัดหรือไม่ ก็เป็นบทพิสูจน์ไปยังป.ป.ส.ต่อไป