'สุดารัตน์' จี้ 'รัฐบาล' ออกสินเชื่อชะลอขายข้าวด่วน ล่าช้าทำชาวนาเดือดร้อน

'สุดารัตน์' จี้ 'รัฐบาล' ออกสินเชื่อชะลอขายข้าวด่วน ล่าช้าทำชาวนาเดือดร้อน

"สุดารัตน์" จี้ "รัฐบาล" ออกสินเชื่อชะลอขายข้าวโดยด่วน หวั่นล่าช้า ทำชาวนาเดือดร้อน  เหลือ 20 กว่าวัน ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาราคาตกอีก  

4 พ.ย.2566 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า ได้กำชับให้สส.ของพรรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน เร่งพูดคุยกับพี่น้องชาวนา หลังพบว่ามีเกษตรกร ร้องเรียนผ่านเข้ามาที่พรรคจำนวนมาก โดยแสดงความกังวลเรื่อง "ราคาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ที่กำลังทะลักออกตลาด ราคาจะตกลงเรื่อยๆ ชาวนาจะต้องขาดทุนอีก หากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการช่วยเหลือ ตามที่ สส.ชัชวาล แพทยาไทย ได้เปิดอภิปรายในสภาแล้ว 

โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อมอบให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว โดยไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ จะเป็นการช่วยเหลือค่าเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 1,500 บาทต่อตัน กรณีที่เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเอง โดยเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตราการที่ชัดเจนโดยเร็ว เพราะพี่น้องชาวนาเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเป็นจำนวนมาก และจะเกี่ยวเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ทั้งหมด และต้องขายสู่โรงสี เพราะไม่มีแรงจูงใจและความชัดเจนในมาตรการของรัฐบาล ราคาข้าวจะต่ำลงเรื่อยๆ ณ.วันนี้ ราคา 10.50 บาทต่อกก. อีก20 วันข้างหน้าราคาอาจต่ำลง ถึง 7หรือ8 บาทต่อกิโลกรัม

"ต้องทวงถามรัฐบาลว่า มาตรการชะลอการขายข้าว 1,500 บาทต่อตันจะได้เมื่อไร และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สำหรับสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกร ซึ่งเคยกำหนดวงเงินสินเชื่อเป้าหมายที่ 10,000 ล้านบาท จะยังมีอยู่หรือไม่ และจะได้เมื่อไหร่"คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวและว่า

หากมาตรการของรัฐออกมาล่าช้าจะไม่ทันการในการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา โดยเฉพาะ 2 มาตรการที่ได้กล่าวไป ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา อย่างยั่งยืน ไม่ใช่ปล่อยปะะละเลยชาวนาตามยถากรรม ทำให้ชาวนา"ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง ยิ่งทำยิ่งจน ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้”เพราะไม่ได้มีมาตรการในการดูแลมาตั้งแต่ต้น 

รวมถึงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพ ผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหรือค่าเก็บเกี่ยวในอัตราไร่ละ 1,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 20 ไร่หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือนจะยังได้หรือไม่