ศาล ปค.สูงสุดจ่อเคาะพิจารณาใหม่หรือไม่ ปมเปิดข้อมูลคดีนาฬิกาหรู 'ประวิตร'

ศาล ปค.สูงสุดจ่อเคาะพิจารณาใหม่หรือไม่ ปมเปิดข้อมูลคดีนาฬิกาหรู 'ประวิตร'

รอลุ้นอีกรอบ! ศาลปกครองสูงสุด จ่อพิจารณาสามารถเปิดเผยข้อมูลคดีนาฬิกาหรู 'ประวิตร' ได้หรือไม่ หลัง ป.ป.ช.ยื่นคำร้องขอให้ดำเนินการใหม่

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2566 จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2566 ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการ ป.ป.ช. และเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยรายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบ

กรณีไม่แสดงนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการของ ป.ป.ช. กับคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีดังกล่าวทั้ง 4 ครั้ง ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัย การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ พม.47/2566 คดีหมายเลขแดง พม.63/2566 และคดีหมายเลขดำที่ พม.48/2566 คดีหมายเลขแดงที่ พม.62/2566 ระหว่าง นายวีระ สมความคิด (ผู้ฟ้องคดี) กับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่)

โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ที่ 1 กับพวก รวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย กรณีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย มีคำวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กรณีการกล่าวหา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จำนวน 3 รายการ ได้แก่

1. รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด 
2. ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคน ที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหาดังกล่าว 
3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพิกเฉย จึงนำคดีมาฟ้อง โดยคดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้งสามรายการ ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 333/2562 ลงวันที่ 22 ส.ค. 2562 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา

ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่า คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้มีสาระสำคัญไม่ครบถ้วนตามมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

เนื่องศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เหตุที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 กล่าวอ้างเพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ มิใช่เหตุประการใดประการหนึ่งตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลจึงไม่อาจรับคำขอพิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณาได้ 

ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด ณ ห้องพิจารณาคดี 11 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร