"เศรษฐา" ลั่น "ยาบ้า" ต้องหมดในรัฐบาลนี้ ย้ำ กัญชา เพื่อการแพทย์

"เศรษฐา" ลั่น "ยาบ้า" ต้องหมดในรัฐบาลนี้ ย้ำ กัญชา เพื่อการแพทย์

"เศรษฐา" นั่งหัวโต๊ะ ถกแก้ปัญหายาเสพติด ก่อนเป็นประธานพิธีเผาทำลายของกลาง ชี้ ผู้ค้าไม่กลัวติดคุก แต่ กลัวยึดทรัพย์ สั่งเร่งดำเนินการ ก่อนถ่ายโอน ลั่น "ยาบ้า" ต้องหมดในรัฐบาลนี้ ย้ำ กัญชา เพื่อการแพทย์

ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามและแก้ไข ปัญหายาเสพติด (ป.ป.ส.) มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นพ.ชลน่าน ศรีแก้วรมว.สาธารณสุข นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางพงษ์สวาทกายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ​และยังมีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมด้วย

โดยนายเศรษฐา กล่าวในที่ประชุมว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ขอขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ช่วยจัดการเป็นเจ้าภาพในการประชุมวันนี้ นอกจากปัญหาเรื่องปากท้องแล้วปัญหายาเสพติดที่แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้าในประเทศไทยก็เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่า จะเป็นวาระแห่งชาติ โดยตนเองจะนั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานในการทำให้ปัญหาเหล่านี้ ลดน้อยลง หรือหมดไปในระยะอันใกล้ ทั้งเรื่องการทำผู้เสพเป็นผู้ป่วยรักษาดูแล และส่งคืนเขากลับสู่อ้อมกอดของพ่อแม่พี่น้องของเขา ทำให้มีอาชีพที่เหมาะสม รวมไปถึงการป้องกันที่ต้นน้ำ ไม่ให้ไปเสพ ไปจนถึงระยะสุดท้ายที่เมื่อยึดยาเสพติดมาแล้ว ต้องเร่งในการเผาทำลายเพื่อตอบสังคมให้ได้ รวมถึงการยึดทรัพย์ที่เป็นเรื่องใหญ่ ต้องเร่งทำอย่างรวดเร็ว ไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการมีเส้นทางการเงินที่เข้มแข็ง จนกลับมาผลิตได้อีก และปัญหาเรื่องการลักลอบนำเข้าสารตั้งต้น ซึ่งที่พูดมา ก็ครบทุกมิติแล้ว ตอนนี้เชื่อว่าทุกคนรู้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่ก็ต้องมีจุดเริ่มต้น ขอให้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมาร่วมมือร่วมใจกัน ขจัดปัญหานี้ออกจากสังคมไทย

จากนั้น นายเศรษฐา และคณะเดินทางต่อมายัง บริษัท อัคคีปราการ จำกัน (มหาชน) เพื่อเป็นประธานพิธีทำลายยาเสพติดของกลางของ ป.ป.ส. ซึ่งเป็นการทำลายของกลางจากคดียาเสพติดจำนวน 100 คดี เป็น ยาบ้า 12,522 ก.ก. ไอซ์ 11,656 ก.ก. เฮโรอีน 418 ก.ก. ฝิ่น 179 ก.ก. คีตามีน 704 ก.ก. และสารเสพติดอื่นๆ น้ำหนักรวม 25,517 ก.ก. 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเรื้อรัง ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ประชาชนเข้ามาร้องเรียนตลอด รัฐบาลมีนโยบายทั้งปราบปรามและบำบัดคนที่ติดยาเสพติด พากลับมาเป็นพลเมืองของสังคม การเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยสังคมต้องมีส่วนร่วม ขอให้ทุกหน่วยงานทำงานใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ายาเป็นอาชญากรเขาไม่กลัวติดคุก แต่กลัวการถูกยึดทรัพย์ ขอให้หน่วยเร่งดำเนินการยึดทรัพย์โดยเร็วอย่าให้เกิดการโอนถ่ายได้เพราะจะกลับมาค้าซ้ำอีก เราจะทำงานใต้หลักนิติธรรม นิติรัฐ ให้ประชาชนเชื่อว่าอยากทำงานร่วมกันรัฐในการแจ้งเบาะแสรัฐบาลเอาจริงกับเรื่องนี้ ปัญหายาเสพติดต้องลดลงให้ได้ใน 1 ปี รัฐบาลนี้ต้องทำให้ยาบ้าหมดไปให้ได้เหมือนที่ทุกท่านได้เห็นการทำลายในวันนี้ 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณีประกาศกวาดล้างยาเสพติด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้เพียงพอหรือไม่ว่า ตนได้ให้คณะทำงานไปดู เราต้องให้ความเป็นธรรมทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย 

เมื่อถามว่าในเรื่องยาเสพติด มอบหมายรองนายกฯปราบปรามอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่านายอนุทิน พูดไว้ชัดว่าการแก้ปัญหายาเสพติด การเริ่มต้นคือไม่ให้มีผู้เข้าไปเสพ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และต้องสร้างความเข้มแข็งในครอบครัวด้วย เราต้องดูแลในทุกมิติ ทั้งผู้เสพ ผู้ค้ากฎหมายยึดทรัพย์ บูรณาการทุกหน่วยงานทั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงหมาดไทยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อถามว่าการตั้งเป้าแก้ปัญหายาเสพติด 1 ปี จะเห็นผลเมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้มีการประชุมหนแรกก่อนวันนี้เพิ่งตั้งคณะทำงาน 

เมื่อถามว่า จะดึงทหารเข้ามาช่วงแก้ปัญหายาเสพติดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า แน่นอนเพราะต้องมีเรื่องการควบคุมชายแดน ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ เพราะการลักลอบนำสารตั้งต้นและยาเสพติดไปประเทศอื่นถือเป็นส่วนสำคัญ เมื่อถามว่าในส่วนของพืชกัญชา ที่ยังมีปัญหาอยู่ในกลุ่มโรงเรียนหรือเยาวชน จะแก้ปัญหาอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เรายืนยันกัญชาเพื่อการแพทย์