‘ปดิพัทธ์’ ชี้ ส.ส.ควรกลับมามีเกียรติเหมือนอดีต เกรงใจ ปชช.มากกว่าคนอื่น

‘ปดิพัทธ์’ ชี้ ส.ส.ควรกลับมามีเกียรติเหมือนอดีต เกรงใจ ปชช.มากกว่าคนอื่น

‘สถาบันปรีดีฯ’ จัดเสวนาวันอภิวัฒน์สยาม 2475 ‘ปดิพัทธ์ ก้าวไกล” ชี้ ส.ส.ในสภาฯ ต้องกลับมามีเกียรติเหมือนในอดีต เกรงใจประชาชนมากกว่าคนอื่น ‘พ.ต.อ.ทวี’ ซัดที่ผ่านมานายกฯมาจากกองทัพ มากกว่าระบอบประชาธิปไตย ทำสถาบันการเมืองอ่อนแอ หวั่นเลือกนายกฯครั้งนี้ยังมีชื่อ ‘ลุง’

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2566 ที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ มีการจัดเสวนา “เราจะรักษาชัยชนะก้าวแรกของประชาชน และก้าวต่อไปไว้ได้อย่างไร” โดยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่ใช่การจัดตั้งปกติเพราะชนะในกติกาที่ออกแบบมาให้เราเลือกตั้งแพ้ เรามาเร็วเกินไปหรือไม่ก้าวไวเกินไปหรือไม่ชิงสุกก่อนห่ามหรือไม่ และความพยายามปรับความคิด ว่าอย่างไรประเทศไทยก็ไปได้มากไม่มากกว่านี้ 

นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า คนในพรรคส่วนใหญ่เติบโตมาในเหตุการณ์ปี 2535 ปี 2549  และปี 2557 ไม่ใช่ผู้เล่นหลัก ต้องยอมรับว่ามีส่วนหนึ่งหมดหวังในการเลือกตั้ง เมื่อประชาชนมี 2 ฝ่าย พรรคเห็นตรงกันคือประเทศนี้ไปต่อไม่ได้ถ้าไม่แก้ไขโครงสร้างคือ เอาทหารออกจากการเมือง ต้องกระจายอำนาจออกจากศูนย์กลาง และแก้ไขปัญหาเรื่องสาธารณูปโภค คือเรื่องค่าไฟที่ประชาชนต้องประสบในช่วงที่ผ่านมา ผูกพันชนชั้นนำอย่างแยกไม่ออก พร้อมกับระบุว่าคนในพรรคประสบการณ์น้อยแต่ถูกบีบให้เก่งเร็วขึ้น 

“ผู้แทนในสภาฯ ต้องกับมามีเกียรติเหมือนในอดีต ต้องเกรงใจประชาชนมากกว่าเกรงใจคนอื่น และขณะเดียวกันต้องชนะความคิด การมอบดอกไม้ให้ผู้รัฐประหารจะต้องเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย และจะต้องทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่เป็นที่เพิ่งประชาชนให้ได้ ทำให้คนทั่วไปกล้ามาเป็นนักการเมืองมากขึ้น ไม่ลืมตนต่อสู้กับการเมืองนอกสภาฯ” นายปดิพัทธ์ กล่าว

‘ปดิพัทธ์’ ชี้ ส.ส.ควรกลับมามีเกียรติเหมือนอดีต เกรงใจ ปชช.มากกว่าคนอื่น

ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ  กล่าวว่าจะรักษาชัยชนะของประชาชนได้อย่างไร ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เรายังไม่ชนะ เนื่องจากรัฐสภามี 750 คน ถ้าจะชนะต้อง 375 คน ตอนนี้ฝ่ายประชาธิปไตยมารวมกันได้ 313 คน ยังเหลืออีก 438 คน จึงอยากตั้งคำถามว่าจะเดินไปชนะได้อย่างไร ณตอนนี้ยังกล่าวว่าการสืบทอดอำนาจเป็นธรรมดา, ของผู้มีอำนาจเพราะอำนาจจะมากับตำแหน่ง หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่มีตำแหน่งนายกฯ ก็ไม่มีอำนาจกันจะได้มาซึ่งอำนาจก็จะมีผลประโยชน์ตาม

"การต่อสู้ในยุคนี้ค่อนข้างรุนแรง พร้อมกับมองว่าการเริ่มต้นเข้าไปสู่ชัยชนะคือเริ่มต้นที่จะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องพึ่งเสียงจากส.ว.อีก 60 กว่าเสียง เราต้องการประชาธิปไตยที่ไม่ใช่อำนาจเงิน หรืออำนาจทุกสิ่งทุกอย่าง และหลังจากที่มีรัฐบาลต้องทำบ้านเมืองให้สะอาด ขจัดคอรัปชั่นอย่างจริงจัง ดังนั้นเส้นทางที่จะไปถึง ชัยชนะเป็นรัฐบาล ต้องมาร่วมกันคิด ว่าวันนี้ก้าวไกล จะได้รับเสียงจากส.ว. หรือไม่ หรือจะต้องรอไปอีก 1 ปี เพื่อให้ส.ว.หมดอายุ ตนมองว่าสภาผู้แทนราษฎร เป็นสภา ที่ไม่ใช่สภาของราษฎร จะเห็นได้จากกฎหมายหากมาจากประชาชนจะผ่านสักฉบับยากแสนยาก แต่หากกฎหมายที่มาจากฝ่ายรัฐบาลจะบรรจุทัน" พ.ต.อ.ทวี กล่าว

‘ปดิพัทธ์’ ชี้ ส.ส.ควรกลับมามีเกียรติเหมือนอดีต เกรงใจ ปชช.มากกว่าคนอื่น

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดและเป็นกติกา ที่ผู้มีอำนาจต้องการมาใช้สร้างความชอบธรรม รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาเหมือนเป็นบันทึกการปกครองประเทศ ในประเทศไทยกองทัพเป็นสถาบันทางการเมือง ขอให้ไปดูกันเป็นนายกรัฐมนตรีมาจากกองทัพมากกว่ามาจากระบอบประชาธิปไตย ทำให้สถาบันทางการเมืองอ่อนแอ ขณะเดียวรัฐประหารเงียบคือบทเฉพาะการ ที่ให้ส.ว.มาเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนมองว่านี่คือบททดสอบของประชาธิปไตย เราต้องมาร่วมกันทำสังคมให้เป็นประชาธิปไตย วันนี้สังคมแสดงให้เห็นถึงการเป็นประชาธิปไตยแล้ว คือการเลือกตั้งที่ผ่านมา หากไปดูบัญชีราย จะเห็นได้ว่า 72% เลือกฝ่ายประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่อยู่ในภาคใต้และได้สสทั้งหมดที่ผ่านมาครั้งที่แล้วเป็นรัฐบาลทั้งหมด แต่พรรคตัดสินใจเป็นพรรคฝ่ายค้านแสดงให้เห็นว่าเราจะไม่ยอมจำนนกับอำนาจที่สามารถสืบทอดอำนาจ และนี่คือจุดยืน แม้ว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะยากแสนยากแต่ก็เห็นก้าวแรกถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ส่วนการพูดคุยที่ผ่านมา ของ 8 พรรคเราจะรักษาเราจะรักษาสัจจะและคำพูด เมื่อเรารู้ฝ่ายตรงข้ามจะมาโจมตีเราต้องร่วมกันเซ็น MOU หากพรรคการเมืองใดไม่ทำตาม ตนคิดว่ากฎหมายหลีกเลี่ยงได้แต่สัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนมีความสำคัญ แม้ว่าหลังจากวันที่ 4 กรกฎาคมจะมีประธานสภาแล้วแต่การเลือกในยุครัฐมนตรี รัฐธรรมนูญมาตรา 159 ระบุว่า 5 ปีแรกจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีโดยรัฐสภา

เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดของเขาต้องไปคุยกันว่าใครจะเป็นประธานสภา ซึ่งพรรคก้าวกไกลและพรรคเพื่อไทยต้องไปคุยกัน หากวันที่ 4 จะมา ฟรีโหวตสัญญาณ ความเจ็บปวดของประชาชนจะเกิดขึ้นพรรคทั้ง 8 พรรค ไม่ควรมาพูดเรื่องของตัวเอง ไม่ควรพูดเรื่องตำแหน่งและเป็นเรื่องที่ดีมากว่าทุกพรรคการเมืองเอานโยบายมาคุยกัน วันนี้เราจะรักษาก้าวแรกคือต้องสร้าง ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีเอกภาพและก้าวที่ 2 จะต้องเอาชัยชนะ

“ในวันเลือกตั้งนายกหากมีการนำเสนอ 2 คน คนที่ 1 คือนายพิธา 100% อีกพรรคฝ่ายตรงข้ามเสนอ 1 ลุง ขึ้นมาแล้วโหวต เขามี  438 คน เรามี 312 คน ในความคิดมนุษย์ปกติเขาไม่ทำ แต่เนื่องจากการสืบทอดอำนาจ อำนาจกับผลประโยชน์เขาอาจจะทำได้ เพื่ออาจจะยั่วยุให้คนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมออกมา   สิ่งสำคัญคือบ้านเมืองเราไม่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย คนถูกปกครองจะยอมรับผู้ปกครองต่อเมื่อเขาศรัทธาไม่ใช่ผู้ปกครองมีฐานะมีอำนาจ แล้วมาบังคับให้ผู้ถูกปกครองยอมรับ การจะยอมรับก็คือการเลือกตั้งนั่นคือเรื่องสำคัญ และต่อมาคือความยุติธรรม การกระจายอำนาจ และสิ่งที่ต้องปฏิรูปมากที่สุดคือสภาผู้แทนราษฎร” พ.ต.อ.ทวี กล่าว