"วีระ" บุกป.ป.ช. ทวงผลสอบ "เรืองไกร" โพสต์ซื้อรถหรู คาใจ2 ปีสอบไม่คืบ

"วีระ" บุกป.ป.ช. ทวงผลสอบ "เรืองไกร" โพสต์ซื้อรถหรู คาใจ2 ปีสอบไม่คืบ

"วีระ" ทวงถาม ป.ป.ช. ความคืบหน้าสอบ "เรืองไกร" ปมรถหรู คาใจเกือบ 2 ปีสอบไม่คืบหน้า จี้ เปิดเอกสารการสอบนาฬิกา บิ๊กป้อม ตามคำสั่งศาลปกครอง

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ยื่นหนังสือ ทวงถามความคืบหน้า ป.ป.ช. ถึงกรณีที่เคยยื่นร้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ปมรับแคชเชียร์เช็ค จำนวน 25 ล้านบาท เมื่อ 3 มีนาคม 2564 และกรณีโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่ามีผู้ใหญ่ใจดีซื้อรถเบนซ์ รุ่น S 560 ให้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 โดยระบุว่า

เกือบสองปี ที่ตนเองยื่นกล่าวหาคดีนี้ ไม่เคยได้รับการติดต่อมาจากป.ป.ช. เรียกไปให้ปากคำและให้ข้อมูล และนายเรืองไกรในฐานะผู้ถูกร้อง ก็ไม่เคยถูกเรียกเช่นเดียวกัน 

นายวีระ ตั้งข้อสังเกตว่าเอกสารที่ยื่นไปยังอยู่ครบทั้งหมดหรือไม่ เพราะเคยมีคนมาให้ข้อมูลกับตนเองว่าเคยยื่นเรื่องกับ ป.ป.ช. แต่มีเอกสารสำคัญบางส่วนไม่นำเข้าต่อ ต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงกังวลว่าเอกสารของตนเองหายหรือไม่ เพราะหลักฐานที่ยื่นไปบางส่วนนายเรืองไกร ลบออกจากเฟสบุ๊ซ ส่วนตัว หลักฐานนั้นคือข้อความที่โพสต์ว่า “ได้ของขวัญจากผู้ใหญ่ใจดีเป็นรถหรู”

วันนี้จึงมายื่นเรื่องร้องเรียน ขอให้ ป.ป.ช. เรียกตนเองเข้าไปให้ข้อมูลและตนเองจะเข้าไปตรวจสอบว่าเอกสารดังกล่าวยังอยู่ครบหรือไม่หากอยู่ไม่ครบตนเองทำสำเนาไว้ และหากหายไป ป.ป.ช. ต้องรับผิดชอบ

ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ออกมาชี้แจงว่าผู้ใหญ่ใจดีที่ซื้อรถหรูให้คือภรรยานั้น นายวีระ กล่าวว่า ไม่เชื่อเพราะว่ามีการโพสต์ที่กำกวมและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ วกไปวนมา หากภรรยาซื้อให้จริง ทำไมไม่บอกตรงๆ

นายวีระยังพูดถึง กรณีที่ นายเรืองไกร ยื่นตรวจสอบหุ้น itv ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า นายเรืองไกร สังกัดพรรคพลังประชารัฐก็มักจะตรวจสอบพรรคการเมืองที่เป็นขั้วตรงข้ามกัน และไม่เคยตรวจสอบในประเด็นอื่นจึงมองว่าเป็นเรื่องการเมืองแน่นอน ตนเองมีความเชื่อว่า มีขบวนการสกัดกั้นการตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และสกัดกั้นนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนติดตามว่าถ้าหากนายพิธารอดผลจากเรื่องนี้ไปจะมีเรื่องอื่นมาสกัดกั้นอีกหรือไม่

นอกจากยังมายื่น ขอให้ ป.ป.ช. ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดมอบเอกสารรายการที่ 1 และ 3  กรณีคดีนาฬิกาของ พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ตนเองด้วย 

แม้ ป.ป.ช. มีมติ ไม่ให้เอกสาร แต่นายวีระมองว่า เป็นมติที่ไม่ชอบ เพราะ มติ ป.ป.ช.มีศักดิ์ต่ำกว่าคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด การที่ไม่ปฏิบัติตามถือว่ากระทำความผิด  

ส่วนกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะสามารถเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อโหวตในสภาหรือไม่  นายวีระ ถามกลับว่า มีกฎหมายมาตราใดไปห้าม พร้อมบอกว่า อย่าไปฟังใครพูด แต่ให้ดูตามข้อกฎหมาย

 และย้ำว่า ส่วนนี้ตนเองไม่อยากวิจารณ์ "เมื่อวานนี้ใครพูดก็โดนตอกหน้ากลับไปแล้ว"

เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ ยังมองว่า ส.ว. จะโหวตเลือก นายพิธา เป็นนายกฯ หรือไม่  นายวีระ บอกว่า ตนไม่ทราบ ให้รอดู เพราะตนไม่สามารถตอบได้ แต่ทั้งนี้ก็เชื่ออีกไม่นาน หลังจาก กกต. รับรอง ส.ส. แล้ว ก็ใกล้ถึงวันประชุมสภา เลือกประธานสภา และเลือกนายกรัฐมนตรี จะทำให้ทราบว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสัมภาษณ์ ได้มีเจ้าหน้าที่มาขอถ่ายภาพเอกสารจากนายวีระ แต่นายวีระ สังเกตเห็นว่า เอกสารที่เจ้าหน้าที่ถืออยู่เป็นสำเนาของหนังสือที่ตนมาร้องเรียน 

นายวีระ จึงถามด้วยความไม่พอใจว่า เหตุใดทำแบบนี้ ตนไม่สบายใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าจะเอาไปให้ผู้ใหญ่ดู นายวีระ จึงถามว่า แปลว่าจะเอาไปให้กรรมการฯ คนไหนหรือไม่ มาถือเอกสารให้คนอื่นแบบนี้ไม่ถูกต้อง หลังยื่นเรื่องร้องเรียนแล้วต้องเข้าสารบบ ส่งไปถึงผู้อำนวยการสำนักทันที