"ชพก." พบสื่อเครือเนชั่น ย้ำพร้อมร่วมรัฐบาลเสียงข้างมาก - ไม่เอา ส.ว.

"ชพก." พบสื่อเครือเนชั่น ย้ำพร้อมร่วมรัฐบาลเสียงข้างมาก - ไม่เอา ส.ว.

กรณ์ - อรรถวิชช์ นำทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม. พบสื่อเครือเนชั่น ประเมินกระแสพรรคตอบรับดีหลายพื้นที่ แอบหวั่นการใช้ปัจจัย - ประมูลเลือกตั้ง พร้อมย้ำ 3 เงื่อนไขร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคชาติพัฒนากล้า เข้าพบสื่อเครือเนชั่น พร้อมร่วมรายการของสื่อเครือเนชั่น ต่อการสู้ศึกเลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนถึงวันเลือกตั้ง14 พฤษภาคม

 

นายกรณ์ กล่าวว่า กระแสตอบรับผู้สมัคร ในพื้นที่ กทม. นั้นดีมาก เพราะตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่ลงพื้นที่เข้าหาประชาชน ประกอบกับนโยบายที่นำเสนอ อาทิ ยกเลิกแบล็กลิสต์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนได้กู้เงิน อย่างไรก็ดีนโยบายที่พรรคนำเสนอนั้นไม่ใช่ว่าพรรคไม่สนใจปัญหาอื่นๆ เช่น สิ่งแวดล้อม การศึกษา สุขภาพ แต่หากจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เศรษฐกิจต้องดี ขณะที่ความคาดหวังในการเลือกตั้งนั้น ตนทุ่มสุดตัว และสู้สุดใจ เพราะเชื่อว่าแนวทางการเมืองของพรรค คือ สิ่งที่ประเทศต้องการ  ทั้งนี้ในการเลือกตั้งรอบนี้เชื่อว่าพรรคจะได้ส.ส.ทุกภาค และจากการรวมตัวกับพรรคชาติพัฒนา กับพรรคกล้า เป็นพรรคชาติพัฒนากล้าถือเป็นการรวมตัวที่ทำให้มีพลัง และมี ส.ส.ทุกภาค โดยหลายพื้นที่มีลุ้น

“เลือกตั้งรอบนี้ สิ่งที่ต้องฝ่าด่านเรื่องปัจจัย ที่วัดกันเป็นกิโล ผมยืนยันว่าผู้สมัครของพรรค จะสู้แบบบริสุทธิ์  ทั้งนี้ตนมองว่าการเมืองแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ขาดหายไปในทางการเมือง พวกผมเคารพความเห็นต่างยอมรับว่าคนคิดไม่เหมือนกัน และเคารพสิทธิ  และไม่ใช่คนที่ผูกขาดชุดความคิด เราได้ยินทุกความคิด พรรคชาติพัฒนากล้า ต้องการสร้างโอกาสให้คนไทย ขอให้โอกาสพรรคชาติพัฒนากล้าเพื่อสู้กับทุนผูกขาด”  นายกรณ์ กล่าว

 

 

นายกรณ์ กล่าวตอบคำถามต่อการจับมือตั้งรัฐบาลขั้วใดว่า ก่อนจะตอบคำถามดังกล่าวต้องฝ่าด่านแรกให้ได้ คือ จำนวน ส.ส.ที่ต้องได้ 25 คนเข้าสภา ซึ่งพรรค 2 ลุงต้องได้เช่นกัน ก่อนจะบอกว่าเลือกใคร หรือไม่เลือกใคร ขณะที่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลของพรรค คือ ต้องพิจารณาเสียงข้างมาก โดยพรรคที่ได้เสียงมากที่สุดต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่หากจัดตั้งไม่ได้ต้องให้โอกาสพรรคอื่นด้วย นอกจากนั้นคือ นโยบายสำคัญของพรรค เช่น รื้อโครงสร้างแก้ปัญหาทุนผูกขาด พลังงาน สินเชื่อ และโครงสร้างภาษี ต้องได้รับพิจารณาหากถูกพิจารณาร่วมเป็นรัฐบาล

“ผมมองว่าสิ่งสำคัญคือ รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ เพราะความไม่มีเสถียรภาพนั้นขัดหลักประชาธิปไตยสากล แม้จะใช้เสียง ส.ว.ที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่หากเลือกแล้วไม่มีเสถียรภาพเราไม่เอาด้วย” นายกรณ์​ กล่าว

 

ขณะที่ นายอรรถวิชช์  กล่าวว่า การเลือกตั้งพื้นที่ กทม. ตนเชื่อมั่นใจผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต ทั้งนี้ในการนำเสนอนโยบายของพรรคนั้นเรียกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ ใช้ความกล้า สู้กับกลุ่มทุน และไม่ใช้นโยบายประชานิยม ดังนั้นเมื่อถามถึงความคาดหวังคือ คาดหวังทั้ง 33 เขต หรือไม่ได้เลยสักเขต  ทั้งนี้หากผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคชาติพัฒนากล้า ได้เข้าสภาฯ ตนมั่นใจว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน

 

“สมรภูมิการเมืองใน กทม.​มีความสำคัญ สิ่งที่พรรคสู้คือ การสร้างโอกาสนิยม ขณะที่ในพื้นที่อื่นๆ เช่น ภาคใต้ ไม่อยากเห็นการเมืองแบบประมูล ใครมีเงินล้านมากกว่าชนะ เที่ยวนี้เลือก อยากได้แบบไหน กาแบบนั้นเพราะการเมืองแบ่งข้าง แบ่งฝ่ายไม่ควรมี เราต้องการสร้างการเมืองใหม่ เลือกที่ชอบจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และการเมืองรอบนี้จะหักปากกาเซียนแน่นอน” นายอรรถวิชช์ กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์