"ณัฐชา" ถาม "อนุพงษ์" เอี่ยวทุจริตโครงการทำถนนพาราซอยล์หรือไม่

"ณัฐชา" ถาม "อนุพงษ์" เอี่ยวทุจริตโครงการทำถนนพาราซอยล์หรือไม่

"ณัฐชา” แฉทุจริตถนนพาราซอยล์ ใบเสร็จชัด เอี่ยว “อสถ” ปี 62 ถาม “อนุพงษ์”กระทรวงมหาดไทยลงโทษกันยังไง ให้คนทุจริตได้เลื่อนตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวง

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ กรณีทุจริต “โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร” หรือ ถนนพาราซอยล์ ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เมื่อปี 2562 ว่านโยบายนี้มีมาตั้งแต่ปี 2560 สมัยรัฐบาล คสช. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ จัดทำโครงการเพื่อทำถนนผสมยางพารา มีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ โดยตั้งเป้าให้ อปท. ทำถนนให้ได้ 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการทำโครงการ คือราคายางไม่ได้ดีขึ้น สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือยอดเงินในกระเป๋าของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย

 

นายณัฐชา กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีความไม่ชอบมาพากล ในช่วงแรก มีบริษัทอยู่แค่ 3 เจ้าเท่านั้น ที่ได้รับการรับรองจาก กยท. ว่าสามารถใช้ผสมทำถนนได้ ต่อมาทั้ง 3 เจ้า ถูกแฉว่าอาจเป็นเจ้าของเดียวกันทั้งหมด แค่แยกร่างออกมาให้ดูเหมือนมีการแข่งขันกัน แต่เรื่องนี้นอกจากการผูกขาด ยังมีเหตุการณ์เชื่อมโยงกับข้าราชการระดับสูง เกี่ยวข้องกับงบประมาณราว 1,000 ล้านบาทในช่วงระหว่างมีโครงการ

นายณัฐชา กล่าวว่าโดยตัวละครสำคัญในเรื่องนี้มี 3 คน คนแรกคือ “พ” เป็นรองปลัดเทศบาลในจังหวัดอำนาจเจริญ คนที่สองคือ “ช” สามีของ “พ” เป็นกรรมการบริษัทค้าสารน้ำยาง คนที่สามคือ “ป” เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่เป็นเพื่อนสนิทของ 2 คนแรกอีกที โดยทั้ง 3 คนมีการพูดคุยกันว่าการทำโครงการนี้ มีค่าน้ำร้อนน้ำชา 15% ของมูลค่าโครงการ แบ่งเป็น 5% เป็นค่าดำเนินงาน อีก 10% ส่งให้ “นาย”

 

นายณัฐชาอภิปรายพร้อมแสดงหลักฐานเป็นแชทไลน์ระหว่าง “พ” กับบุคคลที่ใช้ชื่อว่า “อสถ.” ระบุว่ากรณีโครงการเกิน 10 ล้านบาท เป็นอำนาจอนุมัติของสำนักงบประมาณ แต่หากไม่เกิน 10 ล้านบาทเป็นอำนาจของ “อสถ.” ต่อมาปรากฏว่ามีการโอนเปลี่ยนแปลงโครงการเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ พบว่าผู้รับเหมา “ป” ได้รับโครงการใน 7 จังหวัดทางภาคอีสาน รวม 55 โครงการ เป็นเงิน 394 ล้านบาท ทุกโครงการมีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท เป็นอำนาจอนุมัติโดย “อสถ” ทั้งหมด

 

นายณัฐชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการเอื้อประโยชน์กันระหว่างผู้รับเหมากับข้าราชการประจำและข้าราชการระดับสูง สั่งกันมาเป็นทอดๆ ฮั้วและแบ่งเงินกัน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีการตรวจสอบกันเองแล้วภายในกระทรวงมหาดไทย ผลออกมาเป็น หนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงนามโดยรองปลัดกระทรวงฯ ขณะนั้น ระบุว่า “พ” ผิดวินัยร้ายแรง ส่วน “อสถ” ในขณะนั้นกลับไม่ผิด โดยต่อมา “พ” ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นปลัดเทศบาลเมืองที่จังหวัดสมุทรปราการ ส่วน “อสถ” ปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย

นายณัฐชา กล่าวโดยตั้งคำถามต่อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยว่า รู้เห็นเป็นใจกับการทุจริตดังกล่าวหรือไหม รวมถึงทราบข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดหรือไม่ และกระบวนการลงโทษทางวินัยของกระทรวงมหาดไทย มีแต่การเลื่อนตำแหน่งใช่หรือไม่ โดยยอมให้คนมีประวัติด่างพร้อย มีมลทินมัวหมองได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น.