คนกรุงเฮ! ปี'66 ได้ใช้ ท่าเรือพระราม 7- ท่าเรือท่าเตียน –ท่าเรือเกียกกาย

คนกรุงเฮ! ปี'66 ได้ใช้ ท่าเรือพระราม 7- ท่าเรือท่าเตียน –ท่าเรือเกียกกาย

"ทิพานัน" เผย ปี'66 คนกรุงฯได้ใช้ 3 ท่าเรือ ท่าเรือพระราม 7- ท่าเรือท่าเตียน –ท่าเรือเกียกกาย "พล.อ.ประยุทธ์" ทำ Smart Pier ในแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 29 ท่า ใช้งานในอีก 2 ปี เพื่อเชื่อมต่อล้อ-ราง-เรือ แก้ปัญหารถติด บูมท่องเที่ยวทางน้ำ

เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 66 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายเชื่อมต่อการเดินทาง ล้อ-ราง-เรือ อย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนมีความสะดวกสบาย ปลอดภัยในการเดินทาง แก้ปัญหาการจราจรติดขัด  และส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำอย่างต่อเนื่อง

เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ผ่านแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เป็นสถานีเรือที่มีความทันสมัย สะดวก ปลอดภัย มีรูปลักษณ์สวยงามเป็นแลนด์มาร์ค เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ทั้งทางถนนและทางรางจำนวน 29 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล งบประมาณ 942 ล้านบาท  

สำหรับ แผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง 29 ท่า ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้วจำนวน 6 แห่ง  ได้แก่

  1. ท่าเรือกรมเจ้าท่า
  2. ท่าเรือสะพานพุทธ
  3. ท่าเรือนนทบุรี
  4. ท่าเรือท่าช้าง
  5. ท่าเรือสาทร
  6. ท่าเรือพายัพ ในช่วงระหว่างปี 2562-2564 

ในปี 2565 ที่ผ่านมา ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอีก 2 แห่งได้แก่  ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดท่าเรือราชินี และท่าเรือบางโพ เป็น “ของขวัญปีใหม่ 2566” ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา และจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2566 จำนวน 3 แห่งได้แก่

  1. ท่าเรือพระราม 7
  2. ท่าเรือท่าเตียน
  3. ท่าเรือเกียกกาย

ที่เหลืออีก 18 แห่ง คาดว่าดำเนินการได้แล้วเสร็จตามแผนในปี 2568 ได้แก่ ท่าเรือพระราม 5 ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ท่าเรือปากเกร็ด ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือเขียวไข่กา ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้) ท่าเรือพรานนก ท่าเรือเทเวศร์ ท่าเรือโอเรียนเต็ล ท่าเรือราชวงศ์ ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี) ท่าเรือวัดตึก ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ท่าเรือวัดเขมา ท่าเรือวัดสร้อยทอง ท่าเรือวัดเทพากร ท่าเรือวัดเทพนารี และท่าเรือรถไฟ  โดยเมื่อการก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือแล้วเสร็จตามแผนทั้งหมดจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 53,000 คนต่อวัน ในปี 2570

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากจะมีการพัฒนาท่าเรือแล้ว ยังส่งเสริมให้มีเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่สามารถประหยัดพลังงาน ลดมิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดรับเป้าหมายของรัฐบาลในการเร่งผลักดันให้เกิดการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2065 “สะท้อนวิสัยทัศน์และการคิดบูรณาการของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่เพียงมุ่งพัมนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม รัดกุม รอบด้านในทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างยั่งยืน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ