"สุทิน" แจงฉายา "หมอ(ง)ชลน่าน" เพราะรับบทบาทหนัก-งานเยอะ

"สุทิน" แจงฉายา "หมอ(ง)ชลน่าน" เพราะรับบทบาทหนัก-งานเยอะ

"สุทิน" แจงฉายา "ผู้นำฝ่ายค้าน"​หมอ(ง)ชลน่าน" เพราะมีงานเยอะ บทบาทหนัก พร้อมชมวาทะแห่งปี จับโจร สารภาพปฏิวัติกลางสภาฯ

          นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม  พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงฉายาของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ว่า หมอ (ง) ชลน่าน โดยยอมรับว่าบทบาทของหัวหน้าเพื่อไทย และงานผู้นำฝ่ายค้านหนักมากทำให้ไม่มีเวลา ถือเป็นธรรมดา ส่วนที่ให้ฉายาสภาฯ ปีนี้ ว่า  "3 วันหนี 4 วันล่ม" ต้องยอมรับสภาพว่าทำให้ภาพพจน์ของสภาฯ ไม่ดี   ทั้งนี้ตนไม่โทษรัฐบาล ที่ต้องดูแลองค์ประชุม แต่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น

        นายสุทิน กล่าวด้วยว่า สำหรับฉายาของนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ฯ ที่ว่า "ชวน ซวนเซ" ตนไม่เห็นด้วย เพราะนายชวน ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ได้ดี ไม่ถึงกับซวนเซ แต่บารมีไม่ถึงร้อย ส่วนฉายาของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ที่ว่า พรเพชร พักก่อนนั้น ตนมองว่าเบาไป เพราะทำหน้าที่ไม่ดีในระดับรัฐสภา ขณะที่ฉายาของวุฒิสภา ที่ว่า "ตรา ป."  ตนมองว่าถูกที่สุด เพราะที่ผ่านมา ส.ว.ทำงานภายใต้ธงของรัฐบาล  ไม่เห็นอะไรที่แตกแถว หรือยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล

 

         นายสุทิน กล่าวด้วยว่าสำหรับวาทะแห่งปี ว่าด้วย “เรื่องปฏิวัติผมไม่เกี่ยวข้อง นี่ครับคนปฏิวัติ...ท่านนายกฯ คนเดียว” ความจริงวาทะนี้ไม่น่าเกิดในสภาฯ ไม่น่ายอมรับสารภาพ ไม่คิดว่าจะจำนนต่อสภาฯ ของประเทศ ดังนั้นพอหลุดมาก็จำนนต่อทั้งประเทศ ถือว่าเด่น เพราะจับคนปฏิวัติ จับโจรสารภาพต่อหน้าศาล 

 


          นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนที่สื่อไม่มีฉายา “คนดี ศรีสภา” นั้นคิดว่าสื่ออาจจะระมัดระวังในการให้มากเกินไป เพราะให้แล้วเป็นคุณ เป็นโทษ ได้เสียทางการเมือง สื่อเลยขี้เหนียว แต่กรณี “ดาวเด่น” นั้นคิดว่า นั้น ตนมองว่าเรื่องดาวเด่นเขาอาจจะมีปัญหา จริงหลายคนมีสำนึกดี และขยันทำงาน แต่ทักษะการนำเสนออาจจะทำให้เขาไม่เด่น ถ้าไม่ติดใจว่ามีคนเก่าแล้วได้อีกก็อาจจะมีอยู่ คนทำงานในสภาเยอะ ส่วนตัวให้คะแนน และมีคนอยู่ในใจเช่นกัน  หากเติมความโดดเด่นในการนำเสนอ ก็น่าจะได้ดาวเด่น เช่น นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล(ก.ก.) น.ส.จิราภรณ์ สินธุไพร ส.ส. ร้อยเอ็ด พรรคพท.และอีกหลายคน เพราะขยันหากสื่อมวลชนติดกรอบเดิม ยึดวาทะกรรมก็อาจจะยาก ดังนั้นอยากให้มองที่การทำงาน