รัฐสภาไฟเขียว เว้นวรรคเกณฑ์แต่งตั้ง "ตร." ใหม่ - "ก้าวไกล" โวยเอื้อตั๋วช้าง
ที่ประชุมรัฐสภา ลงมติเสียงข้างมาก 344 : 181 เห็นชอบ ข้อแก้ไขของกมธ. ให้เว้นวรรคใช้เกณฑ์แต่งตั้งโยกย้าย ตำรวจ 180วัน ด้าน "ก้าวไกล" โวยเอื้อตั๋วช้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.... ที่กรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาพิจารณาแล้วเสร็จ ต่อเนื่องเป็นครั้งที่เจ็ด ในมาตรา 169/1 ซึ่งกมธ. เสียงข้างมากขอให้แก้ไขเนื้อหาใหม่ ในสาระสำคัญ คือขอให้ ว้นการบังคับใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือก หรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในระดับต่างๆ ตามกฎหมายใหม่ ออกไป 180 วัน
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงมาตราดังกล่าวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะลงมติในมาตราดังกล่าวตามการแก้ไขของกมธ. โดยเสียงข้างมาก 344 เสียงเห็นด้วยกับการแก้ไขของกมธ. ขณะที่ 181 เสียงไม่เห็นด้วย , งดออกเสียง 50 เสียงและไม่ลงคะแนน 1 คน
อย่างไรก็ดีกมธ.เสียงข้างมากอภิปรายยืนยันว่าการเสนอแก้ไขดังกล่าวเพื่อรับฟังปัญหาและข้อขัดข้องของการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะกรณีของการโยกย้ายตัวเองออกจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขอกลับภูมิลำเนา แต่ไม่มีกมธ.ฯ คนใดที่ชี้แจงต่อข้อสังเกตต่อการเอื้อประโยชน์ของตำแหน่งตำรวจระดับสูงที่อาจได้รับเลื่อนตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงหลักอาวุโสและประสสบการณ์การทำงาน
ทั้งนี้ในประเด็นการเอื้อประโยชน์นั้น นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า มาตรา 169/1 สาระสำคัญคือการเขียนล็อก ว่าตำแหน่งต่างๆนั้นจะต้องเป็นกี่ปี โดยวางกรอบระยะเวลาไม่เกิน 5ปี นับแต่พ.ร.บ.นี้ประกาศใช้ ประเด็นสำคัญคือกมธ.ฯ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทราบในกฎเกณฑ์ที่จะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่กมธ.ฯทำคือทำโผตำรวจ ในลักษณะที่ต่างกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น หลายเรื่องตนและพรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้ว แต่ดีใจอยู่บ้างที่ในมาตรา 69 สุดท้ายมีการกำหนดปีเอาไว้อย่างชัดเจน อย่างน้อยที่สุดอาจจะป้องกัน คนที่จะได้รับประเภทตั๋วช้าง เข้ามาดำรงตำแหน่งข้ามหัวคนอื่นได้
"ข้อเสนอที่จู่ๆ ก็เสนอกัน ผมมองว่าผิด ถ้าเรายืนยัน่วาทำกันแบบนี้ได้ ต่อไปนี้กฎหมายทุกฉบับก็เปลี่ยนกันหน้างานได้ ทั้งที่ในความเป็นจริง มาตรา 169/1 เราควรตัดทิ้ง เพราะมาตรา 69 ล็อกไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะปีของการดำรงตำแหน่ง เช่น คนที่จะขึ้นเป็นรองผบ.ตร.จะต้องเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.มาแล้ว 1 ปี คนที่จะขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ตร. จะต้อเป็นผู้บัญชาการ มาแล้ว 1 ปี อันนี้คือสิ่งที่เขียนล็อกเอาไว้ ซึ่งจะแตกต่างจากกฎ กตร.เดิม ในลักษณะที่สามารถยกเว้นได้ ถงแม้เนื้อหาสาระจะเขียนเหมือนกัน แต่กฎกตร.สามารถยกเว้นหลักเกณฑ์ตรงนี้ได้ และสิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือคนที่ขึ้นขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.และรองผบ.ตร.จะต้องมีอาวุโส 100 เปอร์เซนต์ หมายความว่าตำแหน่งว่างเท่าไหร่ก็คัดจากคนที่อาวุโสเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีกรณีข้ามหัวคนอื่นเกิดขึ้น" นายรังสิมันต์ กล่าว.