ครม. เคาะราคาข้าวโพด สั่งโรงงานรับซื้อตามกฎหมาย เริ่มพรุ่งนี้

รัฐบาล ประกาศกำหนดราคาขั้นต่ำรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เริ่ม 29 ส.ค.นี้ หากโรงงานฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาตกต่ำ
วันนี้ (28 ส.ค. 68) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ 5/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกำหนดราคาขั้นต่ำในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผ่านมามีการขอความร่วมมือไปยังสมาคมการค้าพืชไร่และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยให้รับซื้อข้าวโพดในราคาที่กำหนด แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเนื่องจากยังมีความเห็นต่างกันในเรื่องราคา ทำให้ต้องออกประกาศฉบับนี้เพื่อบังคับใช้ตามกฎหมาย
กำหนดราคาและมาตรการควบคุม
กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคาขั้นต่ำสำหรับการรับซื้อข้าวโพดดังนี้:
- ข้าวโพดความชื้น 30% รับซื้อที่ราคา 7.05 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์
- ข้าวโพดความชื้น 14.5% รับซื้อที่ราคา 9.80 บาทต่อกิโลกรัม ที่หน้าโรงงานอาหารสัตว์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สำหรับพื้นที่อื่น ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทางในการขนส่งจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาล นอกจากนี้ยังกำหนดให้ผู้รวบรวมและโรงงานผลิตอาหารสัตว์ต้องรายงานปริมาณการรับซื้อและสต็อกสินค้า เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุญาตนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ โดยจะใช้มาตรการ "ซื้อ 3 ส่วน:นำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน" หรือมาตรการ 3:1
บทลงโทษผู้ฝ่าฝืน
หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ และรับซื้อข้าวโพดในราคาที่ต่ำกว่ากำหนด จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ดังนี้:
มาตรา 29 (3): มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 29 (สำหรับผู้ที่กระทำการอันทำให้เกิดความปั่นป่วนของราคา): มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สถานการณ์ผลผลิตและนำเข้า
นายจตุพรกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีผลผลิตข้าวโพดออกสู่ตลาดประมาณ 2 แสนตัน แต่เกษตรกรไม่สามารถขายได้ตามราคาที่กำหนดได้เนื่องจากโรงงานไม่รับซื้อ แต่คาดว่าหลังจากมีการบังคับใช้มาตรการนี้แล้ว จะทำให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งผลผลิตข้าวโพดส่วนใหญ่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม และจะค่อยๆ ลดลงในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ 9.2 ล้านตันต่อปี แต่สามารถผลิตได้เพียง 4.7 ล้านตัน ทำให้ต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศปีละประมาณ 4-5 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ ซึ่งปีนี้คาดว่าปริมาณการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านจะลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง เนื่องจากมาตรการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่จะรับซื้อเฉพาะผลผลิตที่ไม่มีการเผาไร่ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้มีการปิดด่านในบางพื้นที่







