น่าห่วง! ผลสำรวจพบเยาวชนสูบ บุหรี่ไฟฟ้า พุ่ง 5.3 เท่า เยาวชนหญิงสูบเพิ่มขึ้น

น่าห่วง! ผลสำรวจพบเยาวชนสูบ บุหรี่ไฟฟ้า พุ่ง 5.3 เท่า เยาวชนหญิงสูบเพิ่มขึ้น

น่าห่วง! ผลสำรวจพบเยาวชนสูบ บุหรี่ไฟฟ้า พุ่งเกือบ 5.3 เท่า และเยาวชนหญิงสูบเพิ่มมากขึ้น ภาคีเครือข่ายด้านควบคุมยาสูบ 10 จังหวัดต้นแบบ เร่งบูรณาการงานร่วมปกป้องเด็ก

KEY

POINTS

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า จากผลสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทย อายุ 13-15 ปี จำนวน 6,700 คนในโรงเรียนทั่วประเทศ พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปี 2558 พบเยาวชนสูบบุหรี่ร้อยละ 3.3 เพิ่มเป็นร้อยละ 17.6 ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเกือบ 5.3 เท่า และเยาวชนหญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคีเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบทุกภาคส่วน รวมถึงครูและผู้ปกครอง จะต้องรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ที่น่าเป็นห่วงคือปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่เด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเกิดการเสพติดนิโคตินไปตลอดชีวิต ซึ่งเป็นสารเดียวกันกับที่มีอยู่ในบุหรี่ธรรมดา

 

ขณะที่ นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นขับเคลื่อนการทำงานเพื่อลดนักสูบหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนกลไกการทำงานของเครือข่ายทุกภาคส่วนในการป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน ในปี 2567 สสส. มุ่งเน้นการดำเนินงาน ดังนี้

 

1. สร้างเสริมความรอบรู้ สร้างการรับรู้ และความตระหนักให้เด็ก เยาวชน ครู และผู้ปกครองรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า 

2. สนับสนุนมาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 

3. รณรงค์ สื่อสารในประเด็นอันตรายและผลกระทบทางสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ เช่น คลิปวิดีโอ สื่อโฆษณา Infographic หนังสือภาพสำหรับเด็ก เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า

 

 

นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) กล่าวว่า สถานการณ์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยในขณะนี้ นับว่าทวีความรุนแรงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการมุ่งเป้าจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้เด็กและเยาวชน ลุกลามไปถึงนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และปรากฏร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารอบสถานศึกษาทั่วทุกพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะข้อมูลการสำรวจร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ของยท. ปี 2567 พบร้านบุหรี่ไฟฟ้า 72 ร้าน ในจำนวนนี้มีถึง 51 ร้าน ที่เปิดร้านจำหน่ายใกล้สถานศึกษา หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนร้านทั้งหมด หากเจาะลึกถึงตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จะพบว่าทั้งกลิ่นหรือรสชาติออกแบบมาให้เป็นกลิ่นที่เด็กและเยาวชนมีความคุ้นเคย เช่น กลิ่นนมช็อคโกแลต กลิ่นน้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆ หรือแม้แต่กลิ่นหรือรสชาติผักผลไม้ ที่ชวนเชื่อว่ารสชาติเหล่านี้ผลิตจากธรรมชาติ

 

ทั้งนี้ ยท. ขอยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยอันตรายทั้งต่อผู้สูบ ชุมชน และครอบครัว ซึ่งเด็กและเยาวชนที่กำลังเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ กลับต้องหยุดหรือพัฒนาทางสมองช้าลงจากสารนิโคติน รวมถึงพฤติกรรมการเสพติดที่อาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาในอนาคต

 

 

 

วันที่ 3 เมษายน 2567 ที่โรงแรมรามาการ์เดนท์ กรุงเทพฯ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จัดการสัมมนา ภาคีเครือข่ายด้านควบคุมยาสูบ 10 จังหวัดต้นแบบ (Mapping) บูรณาการงานร่วมปกป้องเด็กจาก บุหรี่ และ บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมประสานการทำงานร่วมกันของภาคส่วนต่างๆ ในระดับจังหวัด โดยมีเป้าหมายร่วมกันปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นภาคีเครือข่ายในพื้นที่ที่ขับเคลื่อนงานด้านนี้อย่างเข้มแข็ง 100 คน จาก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ

 

 

นายวราวุธ ยันต์เจริญ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทน ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานในการเปิดงาน กล่าวว่า การสัมมนาภาคีเครือข่ายด้านควบคุมยาสูบ 10 จังหวัดต้นแบบ (Mapping) บูรณาการงานร่วมปกป้องเด็กจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในวันนี้ เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะได้ช่วยกันสื่อสารไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ปกครองต้องช่วยกันสอดส่องดูแล และให้ความใส่ใจบุตรหลานหากพบเห็นสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ขอให้ช่วยกันตักเตือน เพราะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและทำลายพัฒนาการทางสมอง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญต่อการระบาดและการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย และได้สั่งการและกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือเพื่อกวาดล้างและปราบปรามอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการลักลอบจำหน่ายให้กลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งจากการลงพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ พบว่ามีร้านค้าหลายร้านตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษา อีกทั้งยังเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังกลุ่มเด็กและเยาวชน นอกจากนี้ยังพบว่าตัวบุหรี่ไฟฟ้ามีการปรับรูปแบบให้ดึงดูดใจ มีรูปลักษณ์เป็นตัวการ์ตูนสีสันสวยงาม

 

 

'ภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เราพบกลุ่มผู้เสพหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนอายุเพียง 13 ปี และยังสืบทราบมาว่ามีการนำไปขายในสถานศึกษา โดยเด็กและเยาวชนเป็นคนรับไปจำหน่ายเอง จึงขอความร่วมมือทั้งผู้ปกครองและสถานศึกษา หากพบเห็นการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ขอความร่วมมือให้แจ้งหน่วยงานรัฐ ทั้งทาง สายด่วน สคบ. 1166 ทางเว็บไซต์ OCPB.go.th เฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB แอปพลิเคชัน Traffy Fondue และสายด่วนของภาครัฐทุกช่องทาง ซึ่งต่อจากนี้ สคบ. จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับรวมถึงท้องถิ่น บังคับใช้กฎหมายกวาดล้างสินค้าเหล่านี้ให้หมดไป พร้อมกับสร้างมาตรการป้องกัน สร้างการรับรู้ถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเป็นเกราะป้องกันได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่ยังลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ขอให้เลิกขายอย่างเด็ดขาด หากพบเห็น สคบ.จะดำเนินคดีกับผู้ขายและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมทั้งนักท่องเที่ยว จากมหันตภัยพิษร้ายจากบุหรี่ไฟฟ้า' นายวราวุธ กล่าว

 

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า จากผลสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทยอายุ 13-15 ปี จำนวน 6,700 คนในโรงเรียนทั่วประเทศ พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปี 2558 พบเยาวชนสูบบุหรี่ร้อยละ 3.3 เพิ่มเป็นร้อยละ 17.6 ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเกือบ 5.3 เท่า และเยาวชนหญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคีเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบทุกภาคส่วน รวมถึงครูและผู้ปกครองจะต้องรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ที่น่าเป็นห่วงคือปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่เด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเกิดการเสพติดนิโคตินไปตลอดชีวิต ซึ่งเป็นสารเดียวกันกับที่มีอยู่ในบุหรี่ธรรมดา

 

ขณะที่ นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นขับเคลื่อนการทำงานเพื่อลดนักสูบหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนกลไกการทำงานของเครือข่ายทุกภาคส่วนในการป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน ในปี 2567 สสส. มุ่งเน้นการดำเนินงาน ดังนี้

 

1. สร้างเสริมความรอบรู้ สร้างการรับรู้ และความตระหนักให้เด็ก เยาวชน ครู และผู้ปกครองรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า 

2. สนับสนุนมาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 

3. รณรงค์ สื่อสารในประเด็นอันตรายและผลกระทบทางสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ เช่น คลิปวิดีโอ สื่อโฆษณา Infographic หนังสือภาพสำหรับเด็ก เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า

 

นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) กล่าวว่า สถานการณ์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยในขณะนี้ นับว่าทวีความรุนแรงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการมุ่งเป้าจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้เด็กและเยาวชน ลุกลามไปถึงนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และปรากฏร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารอบสถานศึกษาทั่วทุกพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะข้อมูลการสำรวจร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ของ ยท. ปี 2567 พบร้านบุหรี่ไฟฟ้า 72 ร้าน ในจำนวนนี้มีถึง 51 ร้าน ที่เปิดร้านจำหน่ายใกล้สถานศึกษา หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนร้านทั้งหมด หากเจาะลึกถึงตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จะพบว่าทั้งกลิ่นหรือรสชาติออกแบบมาให้เป็นกลิ่นที่เด็กและเยาวชนมีความคุ้นเคย เช่น กลิ่นนมช็อคโกแลต กลิ่นน้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆ หรือแม้แต่กลิ่นหรือรสชาติผักผลไม้ ที่ชวนเชื่อว่ารสชาติเหล่านี้ผลิตจากธรรมชาติ

 

ทั้งนี้ ยท. ขอยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยอันตรายทั้งต่อผู้สูบ ชุมชน และครอบครัว ซึ่งเด็กและเยาวชนที่กำลังเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ กลับต้องหยุดหรือพัฒนาทางสมองช้าลงจากสารนิโคติน รวมถึงพฤติกรรมการเสพติดที่อาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาในอนาคต

 

น่าห่วง! ผลสำรวจพบเยาวชนสูบ บุหรี่ไฟฟ้า พุ่ง 5.3 เท่า เยาวชนหญิงสูบเพิ่มขึ้น