จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยเป็นหลานอาม่า หลอกยืมเงินกว่า 1 ล้าน

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยเป็นหลานอาม่า หลอกยืมเงินกว่า 1 ล้าน

ตำรวจกองปราบ จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยเป็นหลานอาม่า หลอกยืมเงินกว่า 1 ล้าน

กรณีจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สวมรอยเป็นหลานอาม่า หลอกยืมเงินกว่า 1 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จับกุม ผู้ต้องหา 5 ราย
1. นางสมพร จับกุมได้ที่ ม.9 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
2. นายวิทวัส จับกุมได้ที่  ซอยเสกสรร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 
3. นายพรรษพล จับกุมได้ที่ ม.3 ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น 
4. นายสุนทรวัฒน์ จับกุมได้ที่ หมู่ 21 ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น 
5. น.ส.อรสา จับกุมได้ที่ บริเวณริมถนน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์

ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ที่มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่ง และยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณต้นเดือน ก.ค.66 ได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์ติดต่อมายังหญิงสูงวัยอายุ 73 ปี ทำทีเป็นพูดคุยว่ารู้จักกับผู้เสียหาย 

โดยมีการใช้คำพูดว่า “อาม่า จำได้ไหม” ซึ่งทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อคิดว่าเป็นหลานของตนเอง จึงเอ่ยชื่อหลานของตนเองออกไป หลังจากนั้นคนร้ายจึงได้สวมรอยเป็นหลานของผู้เสียหาย และขอยืมเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าต้องการนำเงินใช้หนี้จากการทำธุรกิจจำนวน 1 ล้านบาท 

ซึ่งภายหลังจากพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ คนร้ายได้ให้ผู้เสียหายแชทคุยผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ และให้ทำการโอนเงินให้คนร้ายทั้งหมด 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,312,000 บาท 

ภายหลังคนร้ายได้มีการหลอกขอยืมเงินผู้เสียหายเพิ่มอีก แต่ผู้เสียหายปฏิเสธและบอกให้ไปขอยืมเงินจากอากง หรือปู่ ทางอากงจำได้ว่าเสียงดังกล่าวไม่ใช่เสียงของหลานตนเอง เชื่อว่าถูกหลอก 

จึงได้พาผู้เสียหายเข้าเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวกลุ่มผู้กระทำผิด โดยจากการเฝ้าติดตามพบว่าคนร้ายบางส่วนก่อเหตุอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน

รวมถึงยังมีการใช้บัญชีม้าในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่ได้จากการประทุษร้าย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการ ซึ่ง น.ส.อรสาฯ ที่ซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศกัมพูชา จะเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังและทำการจับกุมตัว น.ส.อรสาฯ ที่บริเวณด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ 

และต่อมาในวันที่ 17 ต.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจค้นบ้านพักและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเพิ่มอีก 4 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าของบัญชีม้าที่ใช้รับโอนเงิน หลังจากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินการตามกฎหมาย