'ธนินท์' หนุนรัฐบาลกู้เงินเกิน 1 ล้านล้าน ฟื้นเศรษฐกิจ
“ธนินทร์” แนะรัฐกู้เงินมากกว่า 1 ล้านล้าน พยุงเศรษฐกิจไม่ให้ล่ม แนะรัฐอุ้มค่าจ้างเอกชน 100% ยืนยันซีพีไม่เลิกจ้าง เดินหน้าไฮสปีดเทรน ซื้อเทสโก้ มั่นใจโควิดผ่านได้เร็ว เร่งเดินเครื่องหน้ากากอนามัย
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า วิกฤติโรคโควิด-19 ที่ระบาดขณะนี้ คาดว่าจะผ่านพ้นในไม่ช้า เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกและทุกประเทศมีปัญหาเหมือนกันทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างคิดค้นวัคซีนป้องกันรักษา โดยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจะส่งผลให้การคิดค้นเร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้บางประเทศเริ่มใช้วัคซีนทดลองในคนแล้วและจะผลิตในเร็วๆนี้แน่นอน
ทั้งนี้ ระหว่างเกิดผลกระทบครั้งนี้ รัฐบาลไทยต้องเริ่มวางแผนรับมือทุกด้านเพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท หรือมากกว่านั้น แม้ว่ารัฐบาลต้องใช้ระยะเวลาใช้หนี้นาน 10-20 ปี ก็ต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดการเลิกจ้าง ซึ่งรัฐบาลอังกฤษยอมจ่ายเงินค่าแรง 80 % ให้พนักงานที่ตกงานเพราะธุรกิจไปไม่รอด
ส่วนรัฐบาลไทยที่มีเสถียรภาพทางการเงินมาก ซึ่งสามารถจ่ายค่าแรงดังกล่าวได้ถึง 100 % โดยไม่ต้องกลัวสูญเปล่าเพราะเงินที่จ่ายไปจะทำให้สะพัดในสังคม และกลับสู่รัฐในรูปภาษี ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหลัก เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม งานบริการ หาบเร่ แท็กซี่ ส่วนธุรกิจที่ยังพอไปได้ เช่น เครือซีพี ไม่ต้องมาช่วยเพราะยังจ้างงานอยู่
“ธุรกิจท่องเที่ยวจะเป็นอย่างแรกที่จะฟื้นตัวได้เร็ว หลังผ่านวิกฤต ดังนั้นไทยต้องมีมาตรการสร้างความมั่นใจมั่นด้านความปลอดภัย เช่น หมอนในโรงแรมนำกลับไปเลยเพราะเป็นจุดที่สกปรกที่สุด ส่วนภัตตาคาร ร้านอาหาร ไม่ควรหยุดกิจการมีเพราะอุปกรณ์ เครื่องมือพร้อมแต่ควรลดราคาลงมา แล้วส่งอาหารถึงบ้าน รักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้“
หนุนไทยศูนย์กลาง ศก.โลก
นายธนินท์ กล่าวว่า การที่ไทยรับมือโรคโควิด-19 ได้ดีกว่าเมื่อเทียบหลายประเทศ ดังนั้นจึงเหมาะสมที่รัฐบาลใช้โอกาสนี้ตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก โดยการผลักดันนโยบายด้านการลงทุนต่อเนื่อง ทยอยผ่อนปรนปลดล็อคดาวน์ทีละจุด ไม่จำเป็นต้องรอทำทั้งประเทศ เพื่อสร้างจุดท่องเที่ยว แบบเช่าเหมาลำ เข้าพักโรงแรมเดียวกันไม่ปะปนกับกลุ่มอื่น ระยะเวลากักตัว 15 วัน มีแพทย์และพยาบาลพร้อมรักษาให้คำแนะนำ มีงานบริการทุกด้านอย่างครบวงจร ประกอบกับไทยมีวัฒนธรรมที่น่าสนใจจึงมั่นใจว่ามีนักท่องเที่ยวมาไทยมาก
ด้านการลงทุนรัฐบาลต้องเดินหน้าต่อเนื่อง แก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบที่ล้าสมัย โดยเปิดทางให้นักลงทุนเข้ามาสนับสนุนแรงงานข้ามชาติที่มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องสงวนอาชีพเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนานาแรงงานที่มีฝีมือในประเทศ
ลุยลงทุนไฮสปีด-ซื้อเทสโก้
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่กลุ่มซีพีลงนามกับรัฐไปแล้วมีความพร้อมเดินหน้าต่อ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้าตามเป้าหมาย จะเป็นช่วงรับเศรษฐกิจที่กลับมาบูมทันที ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลังเกิดวิกฤตไปแล้วเศรษฐกิจจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ดังนั้นซีพีไม่ล่าช้าแน่นอน
รวมทั้งจะเดินหน้าเจราจาซื้อเทสโก้ที่อังกฤษต่อไป เพราะธุรกิจขายปลีกเป็นอย่างเดียวที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในสถานการณ์นี้ โดยซีพีจึงมีข้อได้เปรียบจุดนี้ที่ขายสินค้าอาหารแม้จะเกิดวิกฤต แต่มีความจำเป็นต้องบริโภค ล่าสุดได้สั่งให้เซเว่นอิเลฟเว่นผลิตอาหารกล่องขายในราคา 20 บาทไปแล้ว เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่มีรายได้ลดลง
แนะรัฐบาลเดินหน้า“อีอีซี”
นายธนินท์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องนำไปคิดและวางนโยบายให้ชัดเจน สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนทั่วโลกได้เห็น แม้ในยามวิกฤต รัฐบาลไทยยังพร้อมจะเดินหน้า โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ไม่ควรหยุดชะงัก เพราะที่สุดแล้วอาเซียนรวมกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซียและอินเดีย จะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากประชากรที่มีมากกว่า 3,000 ล้านคน ในจำนวนนี้มี 20-50 % ที่เป็นคนรวย
ดังนั้นหากรัฐบาลไทยแน่วแน่เดินหน้าในนโยบาย จะส่งผลให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกได้ไม่ยาก
สำหรับภาคการเกษตร นั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเพราะเป็นกลุ่มที่จะสร้างความมั่นคงของอาหาร เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในวิกฤตทุกครั้ง ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการรักษาเอาไว้ พร้อมทั้งส่งเสริมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยยกราคาให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ไม่ต้องกลัวภาวะเงินเฟ้อ เพระจะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่แจกเงินให้คนจนเพื่อนำกลับมาซื้อสินค้าเกษตรและอาหารเหล่านี้ไปบริโภคอยู่แล้ว วิธีการเหล่านี้จะทำให้อยู่รอดด้วยกันทุกฝ่าย
โควิดกระทบน้อยกว่าต้มยำกุ้ง
“ผมว่าโควิด 19 นี้ ยังสร้างผลกระทบ ไม่เท่าสถานการณ์ต้มยำกุ้ง ซึ่งตอนนั้นรัฐบาลไทยมีเงินคงคลังเพียง 3.8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น น้อยกว่าเมื่อเทียบกับหนี้สินของภาคเอกชนที่มีกว่าแสนล้าน เท่ากับไทยล้มละลายเลยช่วงนั้น ทำให้ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งต้องทำตามเงื่อนไขทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ผมเชื่อมั่นว่าไทยมีภูมิต้านทานในการรับมือการกู้เงินของรัฐกว่า 1 ล้านล้าน หรือ 10% ของจีดีพี นั้นจิ๊บจ้อยมาก ต้องกู้มากกว่านั้นเพื่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศ เศรษฐกิจจะไม่ล่ม”
นายธนินทร์ กล่าวว่า การรักษาบุคลากรไว้เหมือนเป็นสมบัติอันล้ำค่า เพราะแม้ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยี มีหุ่นเข้ามาทำงานแทน แต่หุ่นยนต์ไม่มีความคิดต่อยอด ไม่มีน้ำใจ ไม่มีไหวพริบ โดยมีเฉพาะความแม่นยำ ดังนั้นบุคลากรจึงสำคัญต้องรักษาไว้ โดยซีพีไม่มีนโยบายเลิกจ้างจากพนักงานทั่วโลก 3.5 แสนคนในจำนวนนี้ 2.5 แสนคนอยู่ในไทย
“หลายคนคิดว่าซีพีเป็นธุรกิจที่ผูกขาด หากมองดีๆจะเห็นว่าซีพีกล้าลงทุนก่อนใครในธุรกิจที่คนอื่นมองไม่เห็น และไม่คิดจะทำลายประเทศชาติ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ผมมีธุรกิจที่ลงทุนมากที่สุด หากประเทศไทยล้มไป ผมจะเป็นคนได้รับผลกระทบมากที่สุดเช่นกัน ดังนั้นในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด นี้ จึงสร้างโรงงานหน้ากากอนามัยขึ้น เพื่อบริจาคให้กับบุคลาการทางการแพทย์“
เดินเครื่องผลิตหน้ากากอนามัย
สำหรับโครงการตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยฟรีเพื่อคนไทย อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ วงเงิน 100 ล้านบาท สร้างแล้วเสร็จใน 5 สัปดาห์ เปิดสายการผลิตหน้ากากอนามัยเป็นวันแรก รวมทั้งเครือซีพีได้ส่งมอบหน้ากากอนามัย 100,000 ชิ้น ให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้วเพื่อให้สภากาชาดไทยแจกจ่ายโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมทั้งผู้ป่วย อสม.และโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่สามารถหาหน้ากากได้
ทั้งนี้ การผลิตหน้ากากมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น รวมทั้งการผลิตหน้ากากเอ็น 95 ในอนาคต ซึ่งจะจำเป็นต่อชีวิตมากหลังจากผ่านสถานการณ์โควิดแล้ว แต่มีอุปสรรค คือ ขาดแคลนวัตถุดิบ แผ่นใยกรองเชื้อโรคที่ใช้ซับด้านในชั้นกลาง ที่มีราคาสูงขึ้นมาก ซึ่งเดิมมีราคาแผ่นละ 4 ดอลลาร์ เพิ่มเป็น 70 ดอลลาร์ ซึ่งไทยต้องนำเขาทั้งจากจีน สหรัฐ รัสเซีย
“ตอนนี้ต้องเร่งป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้มีพลังที่จะปกป้องประชาชน และส่วนที่เหลือจึงแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไปฟรี”