คลังขยายพิโกพลัสปล่อยกู้แสนบาทต่อราย

คลังขยายพิโกพลัสปล่อยกู้แสนบาทต่อราย

คลังออกประกาศรับสมัครผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกพลัสที่สามารถขยายวงเงินสินเชื่อได้สูงถึง 1 แสนบาทต่อราย โดยผู้สนใจต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ขยายเพดานให้นิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สามารถประกอบธุรกิจให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์(พิโกพลัส)แก่ประชาชนในวงเงิน 1 แสนบาทต่อราย เพื่อให้รองรับความต้องการทางการเงินของประชาชน
ทั้งนี้ เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้เมื่อวันอังคารที่ 19 มี.ค. 2562 โดยสศค.ได้ปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2562 และมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.2562 เป็นต้นมา
สำหรับผู้ประกอบการสินเชื่อพิโกพลัส จะต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วหรือเงินลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถให้สินเชื่อแก่ลูกค้าในวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ส่วนผู้ประกอบธุรกิจที่ประสงค์ให้กู้ยืมเงินแก่ลูกค้าในวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
ส่วนอัตราดอกเบี้ย อัตรากำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมนั้น วงเงินสินเชื่อส่วนที่เกินกว่า 5 หมื่นบาท อาจเรียกเก็บรวมกันได้ไม่เกิน 28% ต่อปี ส่วนวงเงินสินเชื่อส่วนที่ไม่เกิน 5 หมื่นบาทแรก อาจเรียกเก็บรวมกันได้ไม่เกิน 36% ต่อปี

สำหรับกำหนดวิธีการยื่นคำขออนุญาต ดังนี้ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์อยู่เดิม
สามารถประกอบธุรกิจให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ในวงเงิน 5 หมื่นบาทต่อราย ต่อไปได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกอบธุรกิจที่กำหนดตามประกาศฉบับใหม่
หากต้องการที่จะให้กู้ยืมเงินประเภทพิโกพลัส ต้องยื่นคำขออนุญาตใหม่ผ่าน สศค. พร้อมส่งหลักฐานการเพิ่มทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นให้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ประกอบธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ในลักษณะเดิมต่อไปจนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประเภทพิโกพลัส
ผู้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการยื่นและพิจารณาคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจเป็นประเภทพิโกพลัส ให้แจ้งแก่ สศค. โดยเร็ว และแก้ไขเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมส่งมายัง สศค.
สำหรับนิติบุคคลอื่นที่สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ สามารถยื่นคำขออนุญาตและเอกสารหลักฐานมายัง สศค. ผ่านช่องทางใหม่ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด และผ่านช่องทางเดิม ได้แก่ สศค. สาขาของธนาคารออมสิน สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หรือส่งเอกสารผ่านไปรษณีย์ลงทะเบียนมายัง สศค.
ทั้งนี้ การปรับปรุงแบบรายงานและกำหนดเวลานำส่งงบการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจัดทำรายงานการให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และนำส่งมายัง สศค. เป็นรายเดือนตามแบบรายงานที่ สศค. ได้ปรับปรุงใหม่ และนำส่งงบการเงินประจำปีต่อ สศค. ภายใน 150 วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี
“สศค. จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ที่สนใจจะประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ติดต่อยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ประเภทพิโกพลัส เนื่องจากเป็นโอกาสที่จะขยายวงเงินสินเชื่อแก่ลูกค้าให้สูงขึ้นโดยได้รับผลตอบแทนทางธุรกิจในระดับที่เหมาะสม ทั้งยังสามารถช่วยเหลือผู้มีความเดือดร้อนจำเป็นทางการเงินให้เข้าถึงสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ในระบบทดแทนการกู้ยืมเงินนอกระบบได้อีกด้วย โดยผู้สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.1359.go.th”
สำหรับประชาชนที่จะใช้บริการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ จะสามารถกู้ยืมเงินได้ในวงเงิน 5 หมื่นบาท จนกว่าจะมีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ประเภทพิโกพลัสในจังหวัดของตน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการแล้วภายในเขตจังหวัดของตนได้จากเว็บไซต์ข้างต้น