'รังสิมันต์ โรม' โต้ยิบ 'ผบ.ทบ.' ไม่มีความเป็นทหารมืออาชีพ

'รังสิมันต์ โรม' โต้ยิบ 'ผบ.ทบ.' ไม่มีความเป็นทหารมืออาชีพ

"รังสิมันต์ โรม" โต้ยิบ "ผบ.ทบ." ไม่ใช่ทหารอาชีพหากยังพูดเรื่องการเมือง

จากกรณีที่ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาเรียกร้องให้หยุดวาทกรรม"เผด็จการ-ประชาธิปไตย" และเตือนพวกซ้ายตกขอบอย่าคิดเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆนั้น ล่าสุดนาย รังสิมันต์ โรม ผู้ช่วยเลขาพรรคอนาคตใหม่ โต้ว่าพลเอก อภิรัชต์ ยังห่างไกลจากการเป็นทหารอาชีพ หากยังออกมาพูดเรื่องการเมือง

นายรังสิมันต์โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอบโต้ความเห็นของ พลเอกอภิรัชต์วานนี้ความว่า

ข้อโต้งแย้งถึงผบ.ทบ.
ล่าสุดมีการให้สัมภาษณ์สื่อของผู้บัญชาการกองทัพบก โดยมีประเด็นที่ผมเห็นว่าสำคัญดังนี้
1. คุณอภิรัชต์ อ้างว่าได้พูดกับสื่อต่างชาติเมื่อหลายเดือนก่อนว่า “กองทัพจะต้องกลับมาอยู่ในส่วนของกองทัพบก มาพัฒนากองทัพบก มาเป็นทหารมืออาชีพ”

ผมเห็นว่าสิ่งที่คุณอภิรัชต์และกองทัพทำอยู่สวนทางกับคำพูดอย่างชัดเจน เพราะในประเทศที่เจริญแล้ว ทหารมืออาชีพจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับการเมือง ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงประเด็นทางการเมือง การที่ผมยังต้องโต้เถียงกับคุณอภิรัชต์นั้นสะท้อนให้เห็นดีว่าไม่มีสิ่งใดจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ไปกล่าวอ้างกับสื่อมวลชนต่างประเทศเลย

การที่คุณอภิรัชต์ยังนำกองทัพออกมาฮึ่ม ๆ ขู่รัฐประหารบ้าง แสดงตัวเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองบ้าง ล้วนแต่เป็นการกระทำของทหารที่ไม่มีวันจะเข้าสู่ความเป็นทหารอาชีพได้เลย มีแต่จะขัดขวางวัฒนธรรมและกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่มีความเป็นสากลทั้งสิ้น การทำรัฐประหารและครองอำนาจที่ผ่านมา 5 ปีย่อมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ช่วยให้ประเทศไทยที่เรารักพัฒนาขึ้นเลย รังแต่จะทำให้น่าละอายท่ามกลางสังคมโลก เป็นการดูถูกประชาชนไทยว่าต้องอาศัยกองทัพในการเลือกทางเดินที่ถูกต้อง

ผมขอแนะนำให้กองทัพทำสิ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยได้ง่ายขึ้น คือ เลิกดูถูกสติปัญญาของคนไทยเสียที และการอยู่เฉย ๆ ไม่สอดรู้ทางการเมืองจะเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นคุณกับสังคมไทยมากที่สุด

2. คุณอภิรัชต์ขอให้ยอมรับผลการเลือกตั้ง หยุดวาทกรรม ‘ประชาธิปไตย-เผด็จการ’ คุณอภิรัชต์กล่าวว่าการไม่ยอมรับกติกา กกต. ทำหน้าที่ เปรียบเหมือนการแข่งขันฟุตบอล ถ้าฟุตบอลแพ้ แต่คนเชียร์ไม่แพ้ มันไม่ใช่

ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่งก็อยากจะบอกว่า คุณอภิรัชต์ไม่สามารถนำไปเปรียบง่าย ๆ เช่นฟุตบอลได้ เพราะกฎกติกาในการอยู่ร่วมกับสังคมอย่างรัฐธรรมนูญในยุคสมัยนี้ ควรผ่านการทำประชามติที่ให้อิสระในการรณรงค์และมีความยุติธรรม แต่ที่ผ่านมาก็ปรากฎให้เห็นชัดว่าผู้ที่ลงประชามติถูกดำเนินคดีมากมาย การออกมาพูดกล่าวสนับสนุนอย่างพร้อมเพียงกันต่อกกต. ราวกับว่ากกต. เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพนั้นผมเห็นว่ายิ่งไม่มีความเหมาะสมและไร้ซึ่งศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง

กกต. ได้งบไปมากมายมหาศาล กลับไม่มีแม้แต่สูตรคำนวณคะแนนเสียงที่ชัดเจนแต่แรก สังคมย่อมมีสิทธิจะสงสัย ตั้งคำถาม รวมถึงออกมาท้วงติงและประณามการทำงานอันไร้ประสิทธิภาพ

ประเด็นประชาธิปไตยกับเผด็จการมิใช่เพียงวาทกรรม หากแต่เป็นเรื่องจริงที่เต้องทำให้ชัดเจนต่างหาก การเลือกตั้งไม่ใช่กระบวนการฟอกขาวของเผด็จการ พรรคการเมืองบางพรรคได้พยายามใช้กระบวนการนี้ฟอกตัวเอง และต่อลมหายใจให้กับผู้นำที่มาจากการยึดอำนาจ มากไปกว่านั้น ผู้นำคนนี้นี่เองได้สร้างระเบียบวิธีการที่ล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ดังนั้น การแบ่งแยกฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายเผด็จการ จึงเป็นสิ่งสมควรที่ต้องอธิบายให้ประชาชนได้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับอะไร

3. คุณอภิรัชต์กล่าวว่า การลงสัตยาบันของพรรคการเมืองนั้นเดี๋ยวก็ฉีกทิ้ง ประชาชนกำลังถูกชี้นำโดยนักการเมืองซ้ายตกขอบ ทำไมต้องมาทะเลาะกันให้ชาวโลกตลกด้วย

การถกเถียงเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนต่างหากที่โลกสากลยอมรับ การเงียบเฉยและปล่อยให้ทหารอย่างคุณอภิรัชต์พูดหรือออกมามีบทบาทต่างหากที่ต่างประเทศเขารู้สึกตลก ตลกว่าประเทศไทยทำไมจึงยอมให้ทหารที่มีความคิดล้าหลังเช่นนี้ออกมามีทบาททางการเมืองได้ ไม่ได้มีการสั่งสอนให้ทหารมีความเป็นมืออาชีพและมีความเป็นประชาธิปไตยหรืออย่างไร ฉะนั้นหากจะมีใครเป็นที่ตลกในโลกสากลก็คงมี ผบ.ทบ.นี่แหละที่เป็นที่น่าละอายของประเทศไทยในการกระทำเช่นนี้

4. อย่าดัดจริตคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง
“..ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมในระบอบประชาธิปไตยของตนเอง เราอยู่กันแบบไทยๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ขอให้รักกันเถิดครับ ท่านจะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศไหนมา เอาเขามาแล้วมาดูด้วยว่า ควรจะมาดัดแปลงอะไรอย่างไร แต่ไม่ใช่พยายามมาเปลี่ยนแปลงการปกครอง..”

นี่คือสิ่งที่คนไทยเรียกว่า มือถือGT200 ปากถือศีล คุณอภิรัชต์บอกว่าจะเป็นทหารมืออาชีพและก็ออกมาพูดเรื่องการเมือง บอกให้ยอมรับกติกา แต่กติกานั้นก็เขียนกันเอง และตอนนี้ก็ยังมาบิดเบือนกันเอง ผมถามว่านี่คือประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ของคสช. ที่จะสืบทอดต่อให้ประชาชนอย่างนั้นหรือ? และการกล่าวหาว่าเปลี่ยนแปลงการปกครองนี่ ใช่สิ่งที่กองทัพที่ควรวางตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองกระทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนั้นหรือ?

ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ (โดยเฉพาะความหมายที่พยายามพูดกันมาหลายปีนี้) ไม่ใช่ประชาธิปไตยครับ แน่นอนว่าในประชาธิปไตยในหลายประเทศนั้นมีความแตกต่างกันออกไปตามสภาพสังคมต่าง ๆ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนมีสิ่งที่เป็นสากลร่วมกันอยู่ เช่น หลักที่ต้องมีการเลือกตั้งที่มีเสรีภาพและมีความยุติธรรม ภายใต้กติกาที่มีความเป็นประชาธิปไตย ต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจที่เหมาะสม การให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ไม่มีอำนาจทางการเมือง เป็นต้น

สิ่งที่เป็นสากลเหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้เมื่อยึดถือมั่นได้แล้ว ประเทศไทยจึงได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตย และการหยิบยกกรณีในต่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแล้วรวมถึงประเทศที่ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตยมาศึกษาและถกเถียงก็เพื่อที่จะไม่ต้องให้ประเทศไทยต้องไปเดินซ้ำรอยกับความผิดพลาดในประวัติศาสตร์การเปลี่ยนผ่านที่ประเทศต่าง ๆ ได้พบเจอ มีส่วนใดที่กำลังบ่งบอกเหรอครับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครอง?

หรือเพราะว่าวันนี้ทั้งเขียนกติกาเองก็แล้ว อาศัยภาษีของประชาชนในการหาเสียงก็แล้ว องคาพยพต่าง ๆ ก็อยู่ในมือแล้ว แต่เมื่อให้ประชาชนตัดสินกลับทำท่าจะแพ้คาที่ จึงต้องออกมาปลุกผี ผีทักษิณคราวก่อนขายได้ คราวนี้ก็ปลุกขึ้นมาอีก แต่เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น เลยต้องพยายามปลุกผี ธนาธร-ปิยบุตร เหลือเกิน หรือเพราะแท้จริงแล้ว กองทัพกำลังรู้ดีว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นอันตรายกับพวกคุณยิ่งกว่าพรรคไหน ๆ ในการนำเสนอสิ่งที่กองทัพพยายามซุกไว้ใต้พรหมมาตลอด จึงต้องพยายามเข้ามาเล่นบทดุดันขนาดนี้?

ผมคิดว่าคนเขาดูออกครับว่าพวกคุณไม่มีความเป็นทหารมืออาชีพ ผมสงสารประเทศไทยมากจริง ๆ ครับที่มี ผบ.ทบ.ที่ทำตัวน่าละอายขนาดนี้ผมขอยืนยันนะครับ ว่าข้อเสนอปฏิรูปกองทัพของพรรคอนาคตใหม่ที่จะทำให้กองทัพมีความทันสมัย เป็นกองทัพที่น่าภาคภูมิใจในสากล จะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อประเทศไทย และจำเป็นต่อพัฒนาการทางการเมืองไทยเพื่อนำไปสู่สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ดีกว่า