รีบาวด์-บาทแข็ง

รีบาวด์-บาทแข็ง

SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย สวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ หลังจากที่ตลาดภายในประเทศปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วัน

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 มี.ค.นี้ ขณะที่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,639.00 จุด (+3.70 จุด) Volume 4.1 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -1,737.88 ลบ. TFEX Net -1,619 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ +2,261 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐพุ่งสู่ 56 จุดสุดรอบ 7 เดือนในก.พ. สอดคล้องกับดัชนีภาคบริการ ISM ที่ดีดตัวขึ้น

+สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่พุ่งสู่ 621,000 หลังสุดรอบ 7 เดือนในธ.ค.

+ทางการจีนเตรียมลดภาระด้านภาษีในภาคธุรกิจรวมกันเกือบ 2 ล้านล้านหยวนปีนี้

+รัฐบาลจีนยืนยันเดินหน้าสนับสนุนการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

+ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการยูโรโซนเดือนก.พ.ขยับขึ้นแตะ 51.9

+ยูโรสแตทเผยยอดค้าปลีกยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.3% เกินคาดในเดือนม.ค.

+ครม.ไฟเขียวโครงการรถไฟสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ในกรอบวงเงิน 6.65 พันลบ.

-ดาวโจนส์ปิดลบ 13.02 จุด ขณะนักลงทุนรอความชัดเจนสหรัฐ-จีนทำข้อตกลงการค้า

-น้ำมัน WTI ปิดขยับลง 3 เซนต์ หลังจีนลดเป้าหมาย GDP ลิเบียเดินหน้าผลิตน้ำมัน

-จีนกำหนดเป้า GDP ปีนี้เหลือ 6-6.5% ชะลอตัวจาก 6.6% ในปี 61 และ 6.8% ในปี 60 พร้อมออกมาตรการลดภาษีภาคธุรกิจ-เพิ่มลงทุนสาธารณูปโภค กระตุ้นเศรษฐกิจ

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย  YTD 1.85 พันล้านบาท ค่าเงินบาท 31.72 บาท/US

คาดดัชนี SET วันนี้มีโอกาสรีบาวด์จากการที่เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง รวมทั้งวานนี้ครม.อนุมัติหลายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยกดดันต่อดัชนีเป็นเรื่องเป้า GDP ปีนี้ของจีนชะลอตัวจากปีก่อน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,650 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • FTSE Large Cap : HMPRO GULF EA MINT MAKRO BEM DIF
  • FTSE Mid Cap : MTC GPSC

         * HMPRO MTC มีผลตอบแทน YTD น้อยกว่าดัชนี

  • หุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง : VGI PLANB MACO CPALL MAKRO BJC TKS
  • ขยายเวลา Visa On Arrival : AOT  CENTEL ERW
  • High Dividend : KAMART SIRI SNC ORI DIF BTSGIF SC MC AIT QH KKP TKS

หุ้นแนะนำพิเศษ

CAZ ราคาปิด 4.62 บาท “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

  • ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้กับลูกค้ากลุ่มน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี เช่น LNG Tank , LPG Terminal และ LNG Terminal เป็นต้น โดยลูกค้ากว่า 80% อยู่ในกลุ่ม PTT และล่าสุดเพิ่งได้รับงานจากกลุ่ม BCP โดยงวดปี 61 บริษัทฯ มีรายได้งานรับเหมาก่อสร้างที่เติบโต 36.1% สู่ 1.39 พันล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ระดับ 10.5% ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ช่วยหนุนให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2.3% ในปี 60 สู่ 4.0% ในปี 61 และรายงานกำไร 52.98 ลบ. +131.3%YoY
  • แนวโน้มปี 62 : บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ราว 2 พันลบ. +44.2%YoY หนุนจาก Backlog คงเหลือ ณ ปลายปี 61 ราว 2,516 ลบ. แบ่งรับรู้ในปี 62 ราว 70% และอีก 30% จะรับรู้ใน 1Q63 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมแผนยื่นประมูลโครงการในปีนี้อีกทั้งหมดราว 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,980 ลบ.(คาดหวังได้งาน 50-60%) ช่วยหนุนเติบโตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้การบริษัทฯ จะได้รับอานิสงค์จากการขยายตัวของปริมาณการใช้ LNG ทำให้มีโอกาสขยายท่าเรือและคลังฯ เพิ่มเติม
  • ความเห็น : เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ ประกอบกับการเติบโตของรายได้ในอนาคตจะทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ เมื่อรายได้เติบโตจะหนุนให้กำไรสุทธิเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นราว 21% ในเดือนก.พ. จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

หุ้นมีข่าว   

·         + AIT (ราคาปิด 22.20 Bloomberg Consensus 17.90) ได้งานโครงการจ้างงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่า 3.35 พันลบ. ดันแบ็กล็อกพุ่งนิวไฮ 6,800 ล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ปีนี้ 60-70%

·         + SPA (ราคาปิด 13.90 “ถือ” ราคาเหมาะสม 14.00) กางแผนงานปี 2562 เตรียมอัดฉีดงบลงทุน 200-250 ล้านบาท ลุยเปิด 10 สาขาใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ ส่งซิกปีนี้จ่อบุ๊กรายได้จากการลงทุน CHABA ราว 70 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าดันรายได้ปี 2562 โต 20% (ที่มา : ทันหุ้น)

ความเห็น : ถึงแม้บริษัทจะยังคงเป้าการเปิดสาขาสปาในประเทศเพียง 10 สาขาต่อปี แต่บริษัทสามารถสร้างการเติบโตจากทางอื่นได้อีก เช่นการลงทุนในธุรกิจ CHABA ที่ยังคงมีการเติบโตจากการเปิดสาขาร้านทำเล็บ และจากการขยายสาขาแฟรนไชส์ในต่างประเทศ โดยล่าสุดได้แผนขยายสาขาไปยังประเทศเมียนมาและที่เมืองชิงเต่าสาขา 2 ในประเทศจีนคาดเปิดดำเนินการในช่วง 3Q62  เป็นต้นไป

·         + ORI (ราคาปิด 7.15 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 10.52) คาดผลงานไตรมาส 1/2562 เติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน หลังมีดีมานด์เพิ่มก่อนมาตรการ LTV แย้มยอดขาย 2 เดือนแรกทำได้แล้วกว่า 2 พันล้านบาท ทั้งปีมั่นใจตามเป้า 2.8 หมื่นล้านบาท เผยไตรมาสแรกเปิด 2 โครงการ ย้ำทั้งปีเปิด 15 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท คงเป้ารายได้ 1.9 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

ความเห็น : คาดจะเห็นการเร่งโอนก่อนมาตรการ LTV เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย. ใน 1Q62 มี 7 โครงการที่เป็นการโอนต่อเนื่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯได้แก่ Park 24 ซึ่งมี backlog เหลือราว 10% ของมูลค่าโครงการ Notting Hill สุขุมวิท115 และ B-Loft  สุขุมวิท 115 และสุขุมวิท 107 และโครงการแนวราบ “Britania” ใน 3 ทำเลที่จะเริ่มโอน ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานเนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับดี %GP ปี 61 เท่ากับ 40.7% %NP เท่ากับ 20.1%สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 62 เฉลี่ย 3,065 ลบ. -8%

·         +/- กลุ่มสื่อสาร บอร์ดกสทช. มีมติเห็นชอบเรียกคืนคลื่น 2600 MHz จาก MCOT-กองทัพบก-กองทัพไทย จำนวน 190 MHz นำมาประมูล 5G คาดประมูลเร็วสุดส.ค.นี้

·         + STEC - BEM ร่วมเข้าซื้อซองงาน O&M มอเตอร์เวย์ 2 สาย รวมมูลค่ากว่า 6.1 หมื่นลบ.

·         + TU วางเป้าปี 62 จะมียอดขายเติบโต 5% เนื่องจากการบริโภคซีฟู้ดส์ อาหารทะเล เริ่มนิยมมากขึ้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งเน้นไขมันต่ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก           บริษัทวางเป้าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 15% จากปี 61 อยู่ที่ 14.17% พร้อมกับควบคุมอัตราค่าใช้จ่ายต่อยอดขายให้อยู่ที่ระดับ 10% และกำหนดงบลงทุนรวมที่ระดับ 4,800 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจปกติและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งเป็นงบที่ไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ

·         + BA พร้อมผนึกพันธมิตร 2 ราย ลงแข่งประมูลรับงานบริหารพื้นที่ดิวตี้ฟรีท่าอากาศยานของ AOT แถมเป็นแกนนำยื่นข้อเสนอโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก 21 มี.ค.นี้ ส่วนแผนปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต 3.5% คาดผู้โดยสารพุ่ง 3% แตะ 6.16 ล้านคน (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         - AAV ยกเลิกแผนการเข้าซื้อหุ้นบมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) จากกลุ่มจุฬางกูร ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการลงทุนดังกล่าว แต่ยังมิได้มีข้อตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และยังไม่ได้กระทำการใดที่มีผลผูกพันบริษัทเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น NOK แต่อย่างใด