M - ซื้อ

M - ซื้อ

Most favorite meal

M เป็น best play ในธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ด้วยขนาดและประสิทธิภาพ รวมถึงอัตรากำไรที่สูง เงินสดในมือจำนวนมากจะช่วยหนุนการเข้าซื้อกิจการใหม่ในอนาคตอันใกล้ ขณะนี้ M ซื้อขายที่ PER ปี 2562 ที่ 23.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 25.4 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว (ตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์) อยู่ 5% เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 86 บาท

ผู้นำธุรกิจเครือข่ายร้านอาหาร

M เป็นผู้นำธุรกิจเครือข่ายร้านอาหารที่มีศักยภาพที่สุดในประเทศไทย ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดในกลุ่ม (เมื่อเทียบกับ AU และ ธุรกิจอาหารของ CENTEL และ MINT) เนื่องจากระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยอดเยี่ยม M มีรายได้จากธุรกิจอาหารในประเทศไทยสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มและมีการกระจายของรายได้ในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯเป็นอย่างดี (รายได้จากต่างจังหวัดคิดเป็น 54%) ดังนั้น M จึงจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการฟื้นตัวของการบริโภคในต่างจังหวัดโดยเฉพาะในช่วงก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.

เปิดแผนธุรกิจปี 2562

ในปี 2562 เราคาดว่าการเติบโตของยอดขายรวมของบริษัทจะสูงขึ้นจาก 4% YoY ในปี 2561 มาอยู่ที่ 7% YoY ในปี 2562 (ตรงกับเป้าหมายของผู้บริหาร) บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมสำหรับร้านเอ็มเคสุกี้ที่ 3.5% และร้านยาโยอิที่ 4.5% ซึ่งเราคิดว่ามีความเป็นไปได้(หลังจากอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมทรงตัวในปี 2561) เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับขึ้นของราคาเมนูอาหารในช่วงปลายปี 2561 นอกจากนี้ขยายสาขาก็จะเป็นอีกปัจจัยหนี่งที่จะหนุนรายได้เติบโต โดยเราตั้งสมมติฐานสาขาใหม่ 40 แห่งสำหรับปี 2562 ซึ่งยังต่ำกว่าแผนธุรกิจของ M ที่ 50 สาขา (บริษัทคาดเปิดสาขาร้านเอ็มเคสุกี้ 20 สาขา ร้านยาโยอิ 20 สาขา และร้านแบรนด์อื่นๆอีก 10 สาขา) ดังนั้นภายในสิ้นปี 2562 บริษัทจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 724 สาขา เพิ่มขึ้นจาก 674 สาขาในปี 2561 หากบริษัทบรรลุเป้าหมายการเปิดสาขาดังกล่าว

อัตรากำไรยืนแกร่ง

เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะยังยืนแข็งแกร่งที่ 68.5% สำหรับปี 2562 หนุนโดยการปรับขึ้นของราคาขายเฉลี่ย 2.5% สำหรับทั้งร้านเอ็มเค สุกี้ (ปรับเมื่อเดือนพ.ย. ปี 2561) และร้านยาโยอิ (เดือนธ.ค.) หลังจากไม่ได้มีการปรับราคามาสองปี โดยการปรับราคาขายครั้งนี้เราเชื่อว่าจะช่วยกลบผลกระทบจากค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่า และต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้การใช้บริการโลจิสติกส์ของ M-Senko จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2562 (ต้นทุนโลจิสติกส์ของ M ลดลงราว 10% ตั้งแต่ M-Senko เริ่มเข้ามาจัดการโลจิสติกส์ของ M ในเดือนก.ค. ปี 2561) เราคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะขยายตัว 40bps YoY มาอยู่ที่ 16.3% ในปี 2562

คาดการณ์กำไรเติบโตดีสำหรับในไตรมาส 4/61-1/62

กำไรหลักในไตรมาส 4/61 คาดอยู่ที่ 695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY และ 3% QoQ เรามองยอดขายสาขาเดิมไม่น่าตื่นเต้นในไตรมาส 4/61 (คาดลดลง 1% สำหรับร้านเอ็มเคสุกี้ และทรงตัวสำหรับร้านยาโยอิในไตรมาส 4/61 เทียบกับฐานสูงในไตรมาส 4/60; 5% สำหรับเอ็มเคสุกี้ และ 7% สำหรับยาโยอิ) แต่น่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 1/62 (หนุนโดยการบริโภคในต่างจังหวัด) ดังนั้นเราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/62 จะเติบโตดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ M จะต้องตั้งสำรองสำหรับการจ่ายเงินชดเชยพนักงานที่สูงขึ้น (ตามพรบ.คุ้มครองแรงงานไทยฉบับล่าสุดที่มีการปรับปรุงเมื่อปลายปี 2561) โดยตั้งสำรองประมาณ 100 ล้านบาทในไตรมาส 2/62 (คิดเป็น 3% ของประมาณการกำไรหลักของเราปี 2562; อยู่ในประมาณการเรียบร้อยแล้ว) ดังนั้นกำไรไตรมาส 2/62 อาจอ่อนตัวลงบ้าง อย่างไรก็ตามการตั้งสำรองเป็นเพียงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น