'ประยุทธ์' แนะปัญหาฝุ่นละอองทุกคนต้องเรียนรู้ว่าอยู่กับธรรมชาติ

'ประยุทธ์' แนะปัญหาฝุ่นละอองทุกคนต้องเรียนรู้ว่าอยู่กับธรรมชาติ

"ประยุทธ์" ชี้ปัญหาฝุ่นละอองต้องแก้ต้นต่อ ไม่ใช่ติง รบ.ไม่สนใจ ทั้งที่คนจะตายอยู่แล้ว แนะต้องเรียนรู้ว่าอยู่กับธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.62 เวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน และแสดงปาฐกถาพิเศษในงานเปิดตัวโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลและพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องการ ขอให้เป็นไปอย่างสงบสุขเรียบร้อย เด็กๆ ก็บอกแล้วว่าอย่าขัดแย้งกัน พ่อแม่และทุกคนจึงต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน อย่าไปรับฟังอะไรต่างๆ ที่แย่ไปทั้งหมด ขณะเดียวกันการเข้ามาเป็นรัฐบาลในวันหน้า เมื่อเข้ามาแล้วก็มีการทำงานในลักษณะเป็นสภา ต้องมีฝ่ายค้าน และรัฐบาลที่ต้องแก้ปัญหาควบคู่กันมา แต่ที่พูดมาทั้งหมดก็ไม่สามารถทำได้หากไม่แนวทางแบบที่เริ่มต้นไว้ให้วันนี้ ซึ่งวันนี้เราทำทั้งหมด ทั้งพลังงาน การศึกษา การสร้างเศรษฐกิจใหม่ เราทำไว้หมดแล้วซึ่งเดินไปทีละขั้น

นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ว่า วันนี้ต้องดูบรรยากาศข้างบนเป็นอย่างไร ความกดอากาศเป็นอย่างไร และฝุ่นผงเหล่านี้เกิดมากเกิดน้อย ซึ่งในช่วงที่มีลมพัด ไม่มีความกดอากาศข้างบนลงมาฝุ่นกระจายออกไปทำให้อันตรายลดลง แต่วันนี้เราต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอไม่ใช่ติติงกันไปเรื่อยว่ารัฐบาลไม่ให้ความสนใจ ทั้งที่คนจะตายกันอยู่แล้ว

"ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าอยู่กับธรรมชาติอย่างไร ซึ่งเราไม่สามารถแก้ธรรมชาติได้ จึงต้องแก้ที่คนของเราด้วย ซึ่งหากบอกให้ตนแก้จริงๆ ถามว่าโรงงานทำหรือยัง ลดการใช้น้ำมันดีเซลมาใช้ E20 ทำหรือยัง หากทุกคนไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ได้ทุกเรื่อง" นายกฯ

“มีคนมาพูดว่าเราจะทำให้ตรงนี้ มันไปถึงแล้วหรือยังตรงนู้น ถ้าเราไม่กลับมาดูหัวแม่เท้าตัวเอง มันไปไม่ได้หรอก มันเดินไม่ได้จะสะดุด เดินก็ต้องก้มมองปลายเท้าและเงยมองไปข้างหน้าว่าจะเดินไปยังไง ผมก็ฝากสื่อโซเชียลไว้ด้วย ผมไม่รู้จะโมโหไปทำไม คนที่เขียนก็สนุก ชอบ สื่อก็ขายดีขึ้น แต่ปรากฏว่าประเทศชาติแย่ลง สุขภาพจิตผมก็แย่ ร่างกายผมก็แย่ตามไปด้วย ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้ความสำคัญบอกไว้เลยตรงนี้ เพราะให้ความสำคัญมา 5 ปีแล้ว ไม่ได้อะไรขึ้นมา” นายกฯ กล่าว