'ศุลกากร' เผาทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มูลค่าเกือบ 4 ล้าน

'ศุลกากร' เผาทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มูลค่าเกือบ 4 ล้าน

“ศุลกากร” ใช้รถบรรทุก 6 คัน ขนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มูลค่าเกือบ 4 ล้าน เผาทำลาย ย้ำยังคงใช้กฏเหล็กปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 มกราคม 2562 ที่กรมศุลกากร แขวงและเขตคลองเตย นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และของกลางในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้า ลูกฟุตบอล แก้วน้ำและอื่นๆ อีกหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 3.9 ล้านบาท ก่อนให้สื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยานในการทำลายของกลาง พร้อมปล่อยขบวนรถบรรทุกขนย้ายของกลางจำนวน 6 คัน เพื่อส่งไปเผาและกำจัดซากโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่บริษัทเอกชน จ.สระบุรี

นายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม (สสป.) กล่าวว่า พิธีดังกล่าวนี้ จัดขึ้นเพื่อแสดงให้สาธารณะชนทั้งในและต่างประเทศ ได้เห็นถึงมาตรการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการกระทำผิดทางศุลกากร อย่างจริงจังของประเทศไทย และเพื่อให้ตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้รวบรวมของกลางในคดีความผิดทางศุลกากรที่พร้อมจะทำลายจากหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ, สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ, สำนักงานตรวจสินค้าลาดกระบัง,สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง งานสืบสวนปราบปราม และพื้นที่ภาค 1 รวมทั้งสิ้น 577 คดี ของกลาง 604,456 ชิ้น มูลค่าสินค้ารวมคำนวณภาษีทั้งสิ้น 39,284,309 บาท

นายชัยยุทธ กล่าวว่า หลังจากทางการไทย ได้ดำเนินงานเข้มงวดกวดขัน การนำเข้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจังตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง จนสมาคมผู้แทนการค้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ปรับอันดับขึ้นจากประเทศในบัญชีต้องจับตามองพิเศษ(Piority Watch List) ที่ติดอยู่มาเป็นเวลากว่า 10 ปี เป็นประเทศต้องจับตามอง ที่อาจมีผลต่อการลงทุนจนนำมาสู่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจได้

ทั้งนี้ สำหรับขั้นตอนการทำลายของกลางดังกล่าวนั้น ลำเลียงด้วยรถบรรทุกทั้ง 6 คันซึ่งติดระบบจีพีเอสติดตามเส้นทาง พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมดูแลในทุกขั้นตอน ไม่ให้มีการนำสินค้าเล็ดรอดออกมาจำหน่ายซ้ำตามท้องตลาดได้อีก ก่อนจะนำไปเผาทำลายในระบบปิด ที่บริษัทอินทรี อีโคไซเคิล จำกัด จ.สระบุรี และส่งไปกำจัดซากที่บริษัท สถานีรีไซเคิลวงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ จำกัด โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายต่อไป