ไทยติดอันดับ 3 ผู้นำปฏิวัติอุตสาหกรรมอาเซียน

ไทยติดอันดับ 3 ผู้นำปฏิวัติอุตสาหกรรมอาเซียน

ภาคการผลิตในอาเซียน รวมถึงไทย ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาสู่ระบบดิจิทัล โดยมีรูปแบบการดำเนินงานที่ยังล้าสมัย การปรับใช้เทคโนโลยี 4IR ยังมีความช้าและไม่ต่อเนื่อง

ผลการศึกษาล่าสุดโดย “ซิสโก้” และ “เอ.ที. เคียร์เน่ (A.T. Kearney)” เผยว่า อุตสาหกรรมการผลิตของไทยมีโอกาสเติบโตได้ถึง 1.6 ล้านล้านบาท หรือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในอีก 10 ปีข้างหน้าจากการปรับใช้เทคโนโลยียุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Fourth Industrial Revolution : 4IR)

การศึกษาหัวข้อ “เร่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4ในอาเซียน : แผนปฏิบัติการสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต(Accelerating 4IR in ASEAN: An Action Plan for Manufacturers)” พบว่า การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากผลผลิตที่มีมูลค่าสูงถึง 1 – 1.3 ล้านล้านบาท(3.5 - 4 หมื่นล้านดอลลาร์) รวมถึงการขยายช่องทางรายได้อื่นๆ ด้วยไลน์สินค้าใหม่ๆ และการปรับปรุงคุณภาพสินค้า

5 เทคโนฯ ขับเคลื่อน

นาวีน เมนอน ประธานประจำภูมิภาคอาเซียน ซิสโก้ กล่าวว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 มีจุดเด่นที่ระบบอีโคซิสเต็มส์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อบุคลากรและเครื่องจักรเข้าด้วยกัน โดยอาศัย 5 เทคโนโลยีหลักที่ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายในห่วงโซ่มูลค่าด้านการผลิต ได้แก่ คือ อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์(ไอโอที), ปัญญาประดิษฐ์(เอไอ), การพิมพ์ 3 มิติ(3D Printing), เทคโนโลยีหุ่นยนต์ขั้นสูง และอุปกรณ์แวร์เอเบิลต่างๆ

อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตในอาเซียน (สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) รวมถึงไทย ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาสู่ระบบดิจิทัล โดยมีรูปแบบการดำเนินงานที่ยังล้าสมัย และการปรับใช้เทคโนโลยี 4IR ยังมีความช้าและไม่ต่อเนื่อง 

จาก 5 สาเหตุหลักคือ 1.แรงงานยังมีราคาถูก 2.ยังไม่มีความต้องการของลูกค้า 3.ไม่สามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญ 4.อีโคซิสเต็มส์ของซัพพลายเออร์มีความซับซ้อนและแยกออกเป็นส่วนๆและ 5.เป้าหมายทางธุรกิจเป็นแบบระยะสั้นและไม่ชัดเจน

เมนอน กล่าวว่า การผลิตเป็นอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งมีมูลค่าประมาณ 6.7 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 21% ของจีดีพีปีงบประมาณ 2561 ของภูมิภาค ทั้งมีการคาดการณ์ว่าทุกหนึ่งดอลลาร์ที่ใช้ในภาคการผลิตนั้น จะมีการเพิ่มมูลค่าอีก 1.81 ดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสำหรับการจ้างพนักงาน และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอีก 4 งาน

ดังนั้น การเร่งปรับใช้เทคโนโลยี 4IR จะช่วยให้ภูมิภาคอาเซียนรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันซึ่งปัจจุบันขึ้นอยู่กับกับค่าแรงที่ค่อนข้างต่ำ และทำให้ภาคธุรกิจนี้ยังคงเติบโต และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบัน การพัฒนาและปรับใช้ของไทยอยู่ระดับท็อป 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ทั้งสามประเทศอยู่ในจุดยืนที่ดีต่างมีการวางแผน สร้างเฟรมเวิร์ค พัฒนาคน เทคโนโลยี รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ

แนะเร่งค้นหาแนวทาง

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน ซิสโก้ กล่าวว่า เป็นที่แน่นอนว่าภาคการผลิตของไทยจำเป็นต้องปรับใช้เทคโนโลยี 4IR แต่ความท้าทายที่สำคัญก็คือ จะต้องค้นหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อเร่งการปรับใช้เทคโนโลยีดังกล่าว

โดยมี 3 ประเด็นหลักที่ควรพิจารณา ได้แก่ โอกาสระยะสั้นทางด้าน 4IR ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับบริษัท, ผู้ผลิตสามารถปรับใช้โซลูชั่นอย่างยั่งยืนและเหมาะสมได้อย่างไร และจะสามารถจัดการกับปัญหาการดำเนินงานที่หยุดชะงักเพื่อรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจได้อย่างไร

เขากล่าวว่า ประเมินขณะนี้ในไทย หากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ เช่นพลังงาน อุตสาหกรรมเคมี สาธารณูปโภค นับว่าตื่นตัว ขณะเดียวกันมีความพร้อมทั้งเงินลงทนและบุคลากร นับว่าก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ได้ค่อนข้างดี ซัพพลายเชนยังกลางๆ ที่ยังช้าอยู่คือภาคการเกษตร

ส่วนบทบาทภาครัฐ เห็นว่ามีความพยายามขับเคลื่อนงานในหลายส่วน ที่คิดว่ามาถูกทางคือการพัฒนาอีอีซี ในภาพรวมหากจะให้ดีจำต้องเริ่มลงมือพัฒนาโครงการนำร่องต่างๆ ให้มากกว่านี้ รวมถึงมองการพัฒนาสร้างแพลตฟอร์มกลางเพื่อนำไปต่อยอดในอนาคต

ภาครัฐมีบทบาทสำคัญ

รายงานฉบับดังกล่าวแนะนำแผนปฏิบัติการ 6 ข้อ ที่จะรองรับการพัฒนาด้าน 4IR สำหรับภาคการผลิตของไทยไว้ประกอบด้วย มุ่งเน้นปัญหาสำคัญ ระบุปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข ระบุการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ไม่ตื่นเต้นไปกับเทคโนโลยีใหม่ๆ โซลูชั่นที่ไม่เหมาะสม และฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น แต่ให้ศึกษาวิธีการแก้ไขปัญหาและกรณีการใช้งาน 4IR ที่จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่น

พร้อมกันนี้ ดำเนินโครงการนำร่องโดยอาศัยการทำงานร่วมกัน พัฒนาโซลูชั่นร่วมกับบริษัทเทคโนโลยี และทดสอบและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการนำร่อง โดยอาศัยการกำกับดูแลที่เหมาะกับเป้าหมาย สร้างพาร์ทเนอร์อีโคซิสเต็มส์ เลือกกลยุทธ์ความร่วมมือที่เหมาะสมและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาว

ขณะเดียวกัน สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น ควรมุ่งเน้น 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพและปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น, ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบอัจฉริยะ, แพลตฟอร์มไอโอทีแบบอเนกประสงค์ และระบบวางแผนด้านทรัพยากรและการผลิตแบบครบวงจร

ที่ขาดไม่ได้ รองรับการปรับเปลี่ยนอย่างยั่งยืน ปรับใช้เครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพ กลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล รวมถึงความสามารถที่เฉพาะเจาะจง ดัชนีชี้วัด และการปรับเปลี่ยนกระบวนการโดยมุ่งเน้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

สำคัญ ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิต ทุกวันนี้ประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียนเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล มากกว่านั้นมีการสนับสนุนที่จำกัดสำหรับการปรับใช้เทคโนโลยี 4IR ในอุตสาหกรรมภาคการผลิต มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ต้องให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทต่างๆ และภาครัฐให้มากขึ้น

ชี้ไทยมีโอกาสเป็นผู้นำ

นิโคไล ดอบเบอร์สไตน์ พาร์ทเนอร์ บริษัท เอ ที เคียร์เน่ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการผลิตของไทยมีโอกาสที่ดีมากในการเป็นผู้นำการพัฒนาระบบการผลิตโดยดิจิทัล และก้าวสู่เวทีระดับโลกด้วยการปรับใช้เทคโนโลยี 4IR

อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตจำเป็นต้องใช้แนวทางที่มุ่งเน้นสองทาง กล่าวคือ แนวทางระยะสั้นที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาท้าทายที่เฉพาะเจาะจง และรับมือกับโอกาสด้วยการปรับใช้โซลูชั่นแบบเฉพาะจุด 

ส่วนแนวทางระยะกลางและระยะยาว จะต้องสร้างความสามารถด้านการผลิตที่ก้าวล้ำและยั่งยืนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และสานต่อวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด