เร่ง 'ปิดจ๊อบ' คดีความ กรุยทาง 'พปชร.-รัฐบาล'

เร่ง 'ปิดจ๊อบ' คดีความ กรุยทาง 'พปชร.-รัฐบาล'

แม้ก่อนหน้านี้ "คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)" จะมีมติในประเด็นการถือครองหุ้นสัมปทานรัฐของรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีทั้ง 4 คน

ทั้ง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ หมอธี-ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าเข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 170 วรรคสาม

แต่ทว่า กระบวนการหลังจากนี้ต้องไปลุ้นกันต่อที่ผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะชี้ว่าทั้ง 4 คนจะสิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่

กรณีนี้คงไม่สามารถ “ฟันธง” หรือ “คาดการณ์” ได้ว่าคำวินิจฉัยศาลจะออกมาในทิศทางใด เพราะจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล แต่สามารถบอกได้ว่า 2 แนวทางที่จะออกมาคือ 1.วินิจฉัยว่าไม่ต้องสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว เหมือนกรณี “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถูกยื่นตรวจสอบในประเด็นถือหุ้นเช่นเดียวกัน และแนวทางที่ 2 คือวินิจฉัยว่าทั้ง 4 คนขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี

ซึ่งหากเป็นไปในแนวทางที่ 2 ก็จะส่งผลให้ทั้ง 4 คนต้องเว้นวรรคการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี ตามมาตรา 160 ประกอบ 187 แห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งดูเหมือนว่าคนที่จะได้รับผลกระทบเต็มๆ คือ “สุวิทย์” ที่ขณะนี้นั่งเก้าอี้รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และเตรียมพร้อมลงสนามการเมือง

ดังนั้น คงต้องมาลุ้นกันว่าท้ายที่สุดแล้วศาลจะมีคำวินิจฉัยในประเด็นนี้อย่างไร

นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้ว อีกหนึ่งปมร้อนการตรวจสอบคนในรัฐบาลที่ถูกพูดถึงไม่เว้นแต่ละวันหนีไม่พ้น กรณี “แหวนเพชรแยงตา นาฬิกาสุดหรู” ของ “บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ท้ายที่สุดแล้วผลออกมาว่า “แหวนแม่กับนาฬิกายืมเพื่อน” ไม่ผิด และจบลงแบบ “ค้างคาใจ” คนในสังคมอยู่พอสมควร

แต่กระนั้น การเร่งปิดจ๊อบและเคลียร์ตัวเองให้จบก่อนการเลือกตั้ง ย่อมส่งผลดีกับรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะพรรคสนับสนุน มากกว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อไปเรื่อย โดยเฉพาะกรณีนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม ที่หากปล่อยให้ยื้อออกไป กระแสตีกลับจะกลับมาอยู่ที่รัฐบาลและ พปชร. ซึ่งจะมีผลต่อคะแนนนิยมพรรคอีกด้วย

ดังนั้น การเร่ง “ปิดจ๊อบ” ปมร้อนเหล่านี้จึงเป็นเสมือนการฟอกสี เพื่อกรุยทางให้รัฐบาลและพรรค พปชร.แบบเจ็บน้อยกว่า!!