'ดุสิตธานี' ปิดตำนาน 49 ปี ปั้นมิกซ์ยูสเปิดตำนานบทใหม่
“ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” รูดม่านปิดตำนาน49ปีวานนี้ “ศุภจี” ซีอีโอดุสิตฯ ระบุสานต่อเจตนารมณ์ผู้ก่อตั้ง “ท่านผู้หญิงชนัตถ์” ปั้นตำนานบทใหม่ เผยโรงแรมโฉมใหม่เปิดภายในปี2566 ผงาดโรงแรมไทยยืนหยัด แข่งขันได้ในเวทีโลก หลังผนึก ซีพีเอ็น ผุดมิกซ์ยูส3.67หมื่นล้าน
วานนี้ (5 ม.ค.) เป็นวันสุดท้ายของการเปิดให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยประตูโรงแรมปิดลงเมื่อเวลา 14.00 น.
ตามกำหนดขั้นตอนเช็กเอาท์และส่งแขกกลับจนถึงคนสุดท้าย ถือเป็นการ “ปิดตำนาน” การให้บริการมายาวนาน 49 ปี ก่อนจะ “พลิกโฉม” ทำเลทองหัวมุมถนนพระราม 4 ตัดสีลมขึ้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ผสมผสาน (มิกซ์ยูส) มูลค่าลงทุนกว่า 3.67 หมื่นล้านบาท ร่วมกับ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา รับกับการแข่งขันที่ดุเดือดในย่านนี้ โดยเฉพาะโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ “วัน แบงค็อก” ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ใช้เงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ทำเลโรงเรียนเตรียมทหารเดิม หัวมุมถนนพระรามสี่ตัดถนนวิทยุ
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเลี้ยง “ผูกพันด้วยใจ ก้าวไปกับดุสิต” จัดขึ้นเพื่อร่วมย้อนรำลึกความทรงจำ ที่ห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯเมื่อปลายเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมาว่า ในปีที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯเปิดให้บริการมาตลอดระยะเวลา 49 ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 50 เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการจะสร้างให้โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯแห่งนี้เป็นความภูมิใจของคนไทย เป็นโรงแรมไทยที่สามารถยืนหยัดและแข่งขันได้ในเวทีโลก เราจึงจำเป็นจะต้องทำโครงการมิกซ์ยูสนี้ขึ้นมา
ผุดโรงแรมใหม่คงเอกลักษณ์
“แต่การที่เราทำโครงการฯนี้ขึ้นมา เราก็ไม่ลืมเอกลักษณ์และตัวตนของความเป็นดุสิตธานี เราจะเก็บรักษาเอกลักษณ์ต่างๆ เอาไว้ แล้วนำสิ่งที่ดีเหล่านี้ไปใช้กับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯแห่งใหม่”
ยกตัวอย่างเช่น ยอดชฎาสีทองของโรงแรม น้ำพุและน้ำตกที่อยู่กลางโรงแรม ล็อบบี้ ต้นไม้ แลนด์สเคป และห้องสวีทที่เป็นเฮอริเทจสวีทของเรา ตลอดจนสิ่งสำคัญอย่างงานประติมากรรม งานศิลปกรรม งานหัตถกรรม และงานสถาปัตยกรรม จะถูกเก็บรักษาไว้ โดยได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยศิลปากรมาช่วยเราเก็บอนุรักษ์ และก็จะนำสิ่งดีๆ เหล่านี้ ไปไว้ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯแห่งใหม่
ในขณะเดียวกันก็ต้องเติมความใหม่และความทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในโลกปัจจุบันและอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายเลย แต่พวกเราทุกคนมีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้โจทย์นี้สำเร็จอย่างงดงาม เป็นการผสมผสานระหว่างตัวตนความเป็นดุสิตธานีและความทันสมัยของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯที่จะเกิดขึ้นในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือเปิดให้บริการภายในปี 2566
มั่นใจโฉมใหม่“กลับมายิ่งใหญ่”
โดยการจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ ไม่ใช่เฉพาะมิติการพัฒนาอาคารเท่านั้น แต่ต้องมีจิตวิญญาณของเราซึ่งก็คือพนักงานของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯทุกคนกว่า 580 ชีวิต เรายืนยันว่าไม่ให้ไปไหน เรายังให้พนักงานเหล่านี้อยู่กับเราในช่วงปิดโรงแรมฯและพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสใหม่ขึ้นมา
“ดิฉันขอให้คำมั่นว่าเราจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ และไม่ใช่แค่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯโฉมใหม่ที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น เรายังมีพันธมิตรที่เข้ามาช่วยทำให้โครงการนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ยิ่งใหญ่มากขึ้น มีส่วนผสมของอาคารที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และอาคารห้างสรรพสินค้าที่จะต่อเชื่อมไปกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และรถไฟฟ้าบนดิน BTS ด้วย ที่ตรงนี้จะต้องกลับมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ จะต้องเป็นความภูมิใจของพวกเราชาวดุสิตธานีและคนไทยทุกคน”
ตั้งเป้า1ในแลนด์มาร์กพระราม4
ก่อนหน้านี้ นางศุภจี กล่าวด้วยว่า โครงการมิกซ์ยูสภายใต้การร่วมทุนระหว่างดุสิตธานีกับซีพีเอ็น ได้วางเป้าหมายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 23 ไร่ ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ หลังจากปิดให้บริการวันที่ 5 ม.ค.2562 จะใช้เวลาเคลียร์โรงแรม 3 เดือน ก่อนเริ่มรื้อถอนและก่อสร้างอาคารใหม่ ขนาด 250 ห้องพัก สูง 40 ชั้น โดยชั้นดาดฟ้าจะออกแบบให้มีร้านอาหารกับรูฟท็อปบาร์รอบๆ ฐานชฎาสีทองบนยอดอาคารซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมที่เราตั้งใจเก็บไว้จากอาคารเดิมมาต่อเติมบนอาคารใหม่
2.ห้างสรรพสินค้า ตั้งอยู่ตรงกลางของโครงการฯ วางคอนเซปต์การพัฒนาพื้นที่ให้ผู้คนมาใช้ชีวิตร่วมกัน โดยชั้นใต้ดินจะมีพื้นที่จอดรถ 2 ชั้น และอีก 2 ชั้นเป็นพื้นที่ค้าปลีกเชื่อมกับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสีลม 3.อาคารให้เช่าสำนักงาน สูง 40 กว่าชั้น และ 4.อาคารที่พักอาศัยแบบเรสซิเดนส์ สูง 60 กว่าชั้น มี 2 แบรนด์ ทั้งแบบลักชัวรี ใช้แบรนด์ ดุสิต เรสซิเดนส์ ของเราเอง ส่วนอีกแบรนด์เป็นแนวไลฟ์สไตล์ เตรียมประกาศว่าเป็นแบรนด์ใดในโอกาสต่อไป
“โครงการมิกซ์ยูสนี้จะเข้ามาสร้างความคึกคักให้กับย่านถนนพระราม 4 ร่วมกับโครงการอื่นๆ ซึ่งเดิมถนนเส้นนี้ยังไม่มีโครงการใหญ่ๆ เกิดขึ้นเลย แน่นอนว่าการแข่งขันย่อมเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้ว แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง นับว่าเป็นการช่วยกันยกระดับย่านถนนพระราม 4 ให้คึกคักและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เติมเต็มในสิ่งที่ยังไม่มี เพราะแต่ละโครงการมิกซ์ยูสต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง” ซีอีโอบริษัท ดุสิตธานีฯกล่าว