ไทย-ลาว ร่วมเป็นสักขีพยานลงนาม 7 ฉบับ

ไทย-ลาว ร่วมเป็นสักขีพยานลงนาม 7 ฉบับ

นายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม 7 ฉบับ พร้อมย้ำส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง-เศรษฐกิจ-สังคม

วันที่ 14 ธ.ค. 61 เวลา 11.45 น. ณ หอประชุมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ภายหลังการประชุม JCR ไทย  - ลาว ครั้งที่ 3 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว เข้าร่วมพิธีมอบความช่วยเหลือเหตุอุทกภัยในแขวงอัตตะปือเพิ่มเติมในระยะฟื้นฟู พิธีมอบโครงการพัฒนาวิทยาลัยพลศึกษานครหลวงเวียงจันทน์ และเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่

 

2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กับรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการและกีฬา สปป. ลาว

3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการก่อสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว ณ สปป. ลาว ระหว่างอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กับ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว

4. บันทึกความเข้าใจการซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ ระหว่างผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กับ ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้า สปป.ลาว

5. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านยุติธรรมและกฎหมายไทย - ลาว ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กับ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว

6. บันทึกความร่วมมือด้านการขนส่ง ระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว

7. ร่างกรอบความร่วมมือว่าด้วยการตรวจคนเข้าเมือง ระหว่าง ผู้บัญชาการสำนักงาน ตรวจคนเข้าเมือง และ หัวหน้าตำรวจตรวจคนเข้าออกเมือง กระทรวงป้องกันความสงบ สปป. ลาว

 

 

ไทย-ลาว ร่วมเป็นสักขีพยานลงนาม 7 ฉบับ

 

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายกรัฐมนตรีมีความยินดีที่ได้กลับมาเยือน สปป. ลาวอีกครั้งหนึ่ง ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิด เพื่อเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ หรือ Joint Cabinet Retreat (JCR) ไทย - ลาว ครั้งที่ 3 และเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มีโอกาสเยี่ยมคารวะนายบุนยัง วอละจิด ประธานประเทศ สปป. ลาว ระหว่างการเยือนลาวครั้งนี้ การประชุม JCR ไทย-ลาว ครั้งที่ 3 นับเป็นโอกาสดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ และร่วมกำหนดแนวทางการยกระดับความสัมพันธ์ไทย - ลาวให้เข้าสู่ศักราชใหม่ของ “ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” พร้อมย้ำว่าไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือไทย - ลาว ใน 3 มิติ ดังนี้

 

ด้านการบริหารจัดการชายแดน ไทยยืนยันที่จะร่วมพัฒนาให้ชายแดนไทย - ลาวเป็นชายแดนแห่งความเจริญรุ่งเรือง รองรับความท้าทายด้านความมั่นคง และรับมือกับภัยจากการลักลอบค้ายาเสพติด ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเพิ่มบทบาทของกองทัพในการร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย - ลาว โดยใช้กำลังทหาร และตำรวจในพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน

ด้านการสอดประสานทางเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงไร้รอยต่อ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเสริมสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันผ่านการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อตามแผนแม่บท ACMECS (ACMECS Master Plan) โดยได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เป็นสองเท่าภายในปี 2564 หรือ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ฝ่ายไทยกำลังดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) และพิจารณาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง ในขณะที่ฝ่ายลาวตกลงที่จะเร่งรัดเปิดพื้นที่ควบคุมร่วม (CCA) ที่ด่านสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจปล่อยสินค้าลง และเพิ่มเส้นทางหมายเลข 12 เข้าไปเป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อให้คนและสิ่งของของเราทั้งสองประเทศสามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  


ด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนา เพื่อให้ สปป. ลาวหลุดพ้นจากการเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุดโดยเร็ว ไทยสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ใน สปป. ลาวให้มากขึ้น และจะร่วมกับลาวจัดทำแผนยุทธศาสตร์ร่วมด้านการพัฒนา (Joint Development Strategy: JDS) ไทย - ลาว และแผนแม่บทการพัฒนาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวข้ามแดนไทย - ลาว บนหลักการที่สองประเทศเห็นร่วมกันว่า ไม่ให้เขตแดนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระหว่างไทย - ลาว

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มีโอกาสมอบเงินจากประชาชนชาวไทยเพิ่มเติมอีก 75 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวลาวที่ประสบเหตุอุทกภัยที่แขวงอัตตะปือในระยะฟื้นฟู โดยไทยจะช่วยก่อสร้างสะพานและที่พักชั่วคราวสำหรับผู้ประสบภัย และให้ความช่วยเหลือในการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้ส่งมอบอาคารตามโครงการพัฒนาวิทยาลัยพลศึกษา สปป. ลาวที่กระทรวงการต่างประเทศให้ความช่วยเหลือกับฝ่ายลาวอีกด้วย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียินดีที่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านยุติธรรมและกฎหมายไทย - ลาว และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในมิติต่าง ๆ ระหว่างไทย - ลาว ที่รัฐบาลสองฝ่ายจะเสริมสร้างให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป พร้อมทั้งขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี สปป. ลาวอีกครั้ง สำหรับความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะร่วมกันยกระดับความสัมพันธ์ไทย - ลาว เข้าสู่ศักราชใหม่ของ “ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” และไทยและลาวจะ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ไปด้วยกัน