1,600 จุดวัดใจ

SET Index วานนี้ปรับตัวลงสวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาค ถึงแม้ปัจจัยภายนอกประเทศเริ่มคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายกดดันในประเทศยังคงกดดันตลาด ทั้งประเด็นการเมือง และการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นถูกฉุดลงด้วย PTTEP หลังปรับตัวลง 9 บาท ,-6.72% แม้ชนะการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ แต่ราคาเสนอขายก๊าซ (Pc) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,614.99 จุด (-19.89 จุด) Volume 5.2 หมื่นลบ. จาก Foreign Net +117.19 ลบ. TFEX Net +2,251 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ +2,070 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์เพิ่มขึ้นจากมุมมองทางบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน แม้ว่า ECB ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้และปีหน้า

+น้ำมันเพิ่มขึ้นจากความคาดหมายว่าข้อตกลงลดกำลังผลิตของโอเปกที่ทำกับรัสเซีย รวมถึงการตัดสินใจลดกำลังผลิตลงของแคนาดา

+สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานอยู่ที่ 206,000 รายซึ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 49 ปี

+รัฐบาลอิตาลีประกาศปรับลดเป้าหมายขาดดุลงบประมาณ เพื่อเลี่ยงการลงโทษจาก EU

-"ดรากี"หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนปี 18-19 ลงจาก 2.0% และ 1.8% สู่ระดับ 1.9% และ 1.7% ตามลำดับ

+/-ECB มีมติคงดบ.ที่ 0% พร้อมส่งสัญญาณตรึงยาวถึงกลางปีหน้า ขณะเตรียมยุติ QE สิ้นเดือนนี้

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.84 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.73 บาท/US

คาดวันนี้ดัชนี SET มีโอกาสอ่อนตัวตามตลาดหุ้นในภูมิภาค  ประกอบกับใกล้วันหยุดสุดสัปดาห์และใกล้ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่นักลงทุนต่างชาติทยอยปิดสถานะ  คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,595-1,615 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• GYT HFT IRC NDR SE-ED COL มาตรการช็อปช่วยชาติ ยางรถ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
• CPALL MAKRO BJC ลุ้นมาตรการช็อปตรุษจีน
• 14 ธ.ค. ประกาศผลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน CK STEC
• หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI
• หุ้นเข้าใหม่มีผล 24 ธ.ค. ดัชนี FTSE SET Large Cap Index = GULF
• ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index = AEONTS OSP THANI TU

หุ้นแนะนำพิเศษ

หุ้นที่เป็น Cash Company จ่ายปันผลสม่ำเสมอ

• หุ้นที่เป็น Cash Company เงินสดมากกว่าหนี้สินรวม
• ทำกำไรได้สม่ำเสมอ มี EBITDA เป็นบวก
• จ่ายปันผลสม่ำเสมอในเรท 2.5-4.0%
• STANLY SHANG MC TR

หุ้นมีข่าว   

·      ประเด็นบวก MONO : กสทช. เผยช่อง 7HD-3HD-MONO ยังครองเรตติ้งทีวีดิจิทัล TOP 3 ในเดือนพ.ย.61 ส่วน WORK อยู่ในอันดับ 4

·      + GPSC กกพ.มีมติยกอุทธรณ์ GPSC ซื้อหุ้น GLOW หลังขอให้ทบทวนคำสั่ง เหตุเป็นการลดการแข่งขัน

·      + NWR ได้งานโครงสร้างและงานสถาปัตย์ สถานีรถไฟฟ้า สายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) มูลค่า 3.08 พันลบ.

·      ครม.ไฟเขียว PTTEP ชนะประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ แต่มีความกังวลเรื่องต้นทุนการผลิต ด้านบริษัทมั่นใจบริหารจัดการต้นทุนการผลิตลดต่ำลงได้มากขึ้นอีก หลังชนะประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ

·      ประเด็นบวกรับเหมา “คมนาคม” ประเดิมงานปี 62 เตรียมชงทางคู่เฟส 2 สายขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 2.66 หมื่นล้านบาท ให้ครม.พิจารณาภายใน ม.ค.62 พร้อมเริ่มก่อสร้างได้ในปีเดียวกัน (ที่มาข่าวหุ้น)

·      "ITEL-SKY-SIMAT-TRUE-LOXLEY" วิ่งรับข่าวดีชนะประมูลโครงการ NET ห่างไกล Zone C โดย ITEL คว้ากลุ่ม 8 ภาคใต้ มูลค่า 2,460 ล้านบาท พร้อมควง SKY ชนะประมูลกลุ่ม 6 ภาคกลาง 1 มูลค่า 2,196 ล้านบาท ฟาก SIMAT ชนะประมูลกลุ่ม 4 ภาคอีสาน 2 มูลค่า 2,248 ล้านบาท ส่วน TRUE คว้ากลุ่ม 1 ภาคเหนือ 1 และกลุ่มที่ 7 ภาคกลาง 2 มูลค่ารวม 4,822.89 ล้านบาท ด้าน LOXLEY ผนึก SKY คว้ากลุ่มที่ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 มูลค่า 2,658 ล้านบาท (ที่มา : ข่าวหุ้น)

·      + PRM ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโต 12% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบ conservatives  บริษัทเตรียมรับเรือต่อใหม่รวมทั้งสิ้น 6 ลำ ซึ่งจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 สิ้นปีนี้คาดมีเรือทั้งสิ้น 27 ลำ อีกทั้งยังมีแผนซื้อเรือใหม่เข้ามาทดแทนเรือเดิมที่มีอายุมากจำนวน 2 ลำ ขนาด 5,000 เดทเวทตัน ตามแผนการเพิ่มกำลังการบรรทุกและการลดอายุเรือ งบลงทุน 6,000 ล้านบาท บริษัทเตรียมรับงาน PTTEP หลังชนะประมูลบงกช-เอราวัณ ให้บริการเรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียม (Accommodation Work Barge) ซึ่งก่อนหน้านี้มีการหยุดต่อสัญญา โดยจะเริ่มให้บริการเรือในช่วงวันที่ 20 ธ.ค.61 และเริ่มรับรู้รายได้ทันที (ที่มา IQ)

·      JKN (ราคาปิด 10.80 ซื้อ ราคาเหมาะสม 15.80) ฉายแววสตอรี่โดดเด่น จากการขายคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศเป็นไปได้ด้วยดี อีกทั้งเตรียมขายคอนเทนต์ CNBC เต็มรูปแบบได้ในช่วงไตรมาส 2/2562 ส่งซิกโค้งสุดท้ายไตรมาส 4/2561 กำไรกระฉูด 435% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับกำไรสุทธิปี 2561-2562 ที่ 15.80 บาท เพิ่มขึ้น 8% และ 7% ตั้งราคาเหมาะสม (ที่มา : ทันหุ้น)