"เพื่อไทย-พรรคประชาธิปัตย์" จับมือถล่มกกต.กับคสช. ชี้ระวัง“ติดคุก”
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการจัดการเลือกตั้งที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองบางพรรคนั้นมีอยู่จริง จากการแบ่งเขตเลือกตั้ง เพราะการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. สะท้อนให้เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น นับจากที่ คสช ออกคำสั่ง ม.44 ให้ กกต สามารถเปลี่ยนแปลงการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ นอกเหนือจากสิ่งที่ กกต ได้เคยดำเนินการมาแล้วในการทำประชาพิจารณ์...โดยเฉพาะประเด็นที่ ม.44ที่ออกมาอนุญาตให้กกต.สามารถทำสิ่งที่อาจผิดกับกับกฎเกณฑ์ กติกาต่างๆได้และให้ถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบแสดงให้เห็นว่าข้อกังวลเรื่องการจัดการเลือกตั้งที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองบางพรรคนั้นมีอยู่จริง
การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกาศออกมา ประมาณ 20-30% นั้นมีผลสะท้อนให้เห็น การเปลี่ยนแปลงที่ นอกเหนือจากกฎเกณฑ์เดิม โดยเฉพาะบางเขตถูกแบ่งเป็น 4-5 ส่วน ทั้งนี้จะเกิดขึ้นในเขตเลือกตั้งของนักการเมืองที่ย้ายไปสังกัดพรรคสนับสนุนรัฐบาลหรือในบางกรณี เกิดกับคนของพรรคที่ถูกดูดแต่ไม่ยอมไปตามคำเชิญชวน ทั้งนี้เพื่อเอื้อ อำนวยประโยชน์ในการเลือกตั้ง เช่น เขตเลือกตั้งใน โคราช สุโขทัย อุบลราชธานี
เป็นต้น
" อย่างไรก็ตามผมเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน ว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่ คืนความยุติธรรมให้เกิดขึ้นจากการเลือกตั้ง เมื่ออำนาจการตัดสินใจในการเลือกตั้งกลับคืนมาอยู่ในมือประชาชน “ผมเชื่อมั่น ในอำนาจประชาชน”
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้ประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาแล้วนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติควรรีบปลดล็อกให้พรรคการเมืองลงพื้นที่ เพื่อไปรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนเพื่อ มาทำนโยบาย และจากกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งมีหลายเขตได้แบ่งตำบลและอำเภอแตกต่างไปจากเดิมมาก มีทั้งโยกให้ข้ามอำเภออย่างที่ไม่ควรทำก็มี และการประกาศเขตเลือกตั้งล่าช้ามากเช่นนี้เปรียบเสมือนการ”มัดมือชก” เพราะถ้าจะร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ข้อยุติ ดังนั้นคสช.จะต้องให้โอกาสนักการเมืองทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการแบ่งเขตเลือกตั้งชนิดที่เกินความคาดหมายเช่นนี้ได้ลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจแก่ประชาชนเรื่องเขตเลือกตั้งที่แบ่งใหม่ด้วยตนเองให้ครบทุกหมู่บ้านทุกตำบลและทุกอำเภอโดยเร็ว จะรอให้ กกต.ดำเนินการฝ่ายเดียวคงเป็นไปไม่ได้เนื่องจาก กกต.ก็คงไม่มีเจ้าหน้าที่ครบทุกหมู่บ้าน และเขตใดที่มีพื้นที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ว่าที่ผู้สมัครฯก็จะได้พบปะ ทำความรู้จักกับประชาชนได้อย่างทั่วถึง จะรอให้ลงพื้นที่หาเสียงเพียงแค่ 40 วันมันน้อยเกินไปควรจะเพิ่มวันให้มากกว่านี้ พลเอกประยุทธ์ ต้องแสดงความใจกว้าง และให้ความเป็นธรรมแก่นักการเมืองทุกคนทุกพรรค เพื่อพิสูจน์ว่าท่านมีความจริงใจที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม และอย่าใช้ ม.44 เพื่อเอาเปรียบนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามเหมือนที่ท่านกำลังถูกกล่าวหาอีกเลย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม สมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ไปกล่าวที่ประเทศสาธารณรัฐเยอรมันว่า จะดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรมที่สุดนั้นในฐานะคนไทยคนหนึ่ง จะขอติดตามคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรีที่กล้าพูด กล้ารับปากต่อสังคมโลกว่า จะดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม ที่สุด ซึ่งถ้าทำได้จริง ความเชื่อมั่นประเทศจะกลับคืนมา แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นประเทศอย่างรุนแรงเช่นกัน เพื่อให้สังคมโลกเชื่อว่า ท่านเอาจริงที่จะให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ขอเสนอความเห็นต่อท่านนายกรัฐมนตรีใน 2 ประเด็นใหญ่ ๆ ดังนี้
1. เก็บ ม.44 ใส่ลิ้นชัก เพราะการจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต.โดยตรง คสช.ไม่ควรถูกข้อครหาว่าก้าวก่าย แทรกแซงการทำงานของ กกต.อันจะส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เสรี และเป็นธรรม ขณะนี้สังคมวิพากษ์ วิจารณ์อย่างมากว่า คสช.ใช้ ม.44 ส่อว่าเอื้อประโยชน์ทางการเมืองแก่พรรคการเมืองบางพรรคกรณีตัวอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ คือ เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิสดาร ที่มีคำสั่ง คสช.ที่ 16/2561 ขยายเวลาการแบ่งเขตเลือกตั้ง จนเกิดแบบที่ 4 ขึ้นมา นอกเหนือจากที่ กกต.เคยออกแบบไว้ 3 แบบ และผ่านการฟังความเห็นประชาชนที่กำหนดเวลาไว้ตามระเบียบ กกต.แล้ว ถึงจะแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นการแบ่งเขตแบบพิสดาร เพิ่มแบบที่ 4 เข้ามาโดยประชาชนไม่มีส่วนร่วม ที่สำคัญ ไปฟังเสียงเฉพาะผู้ร้อง แต่ไม่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ที่ กกต.ได้ประชาพิจารณ์เขตเลือกตั้งทั้ง 3 รูปแบบไปแล้ว สังคมจึงเชื่อไปแล้วว่า คสช. ส่อเข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง งานของ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรกลางที่มีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งโดยตรง
2. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 พ.ย.61 ซึ่งเป็นวันราชการ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางไปพบชาวนาที่อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี โดยอ้างว่าไปตรวจติดตามมติ ครม. ซึ่งมีมาตรการช่วยเหลือชาวนาในเรื่องค่าเกี่ยวข้าวและค่าปรับปรุงคุณภาพข้าว ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวควรเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ
นายชวลิตกล่าวว่า ขณะนี้สังคมโลกโฟกัสมาที่การเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ว่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือไม่ เพราะเป็นการเลือกตั้งหลังการรัฐประหาร และคณะคสช.ได้บริหารประเทศมาอย่างยาวนานถึง 5 ปี ทั้งมีพฤติการณ์ส่อว่าจะสืบทอดอำนาจต่อ ดังนั้น ถ้าจะให้ชาวโลกและคนไทยเชื่อว่าการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ ยุติธรรม ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องวางตนเป็นกลางอย่างเคร่งครัดด้วยการเก็บ ม.44 ใส่ลิ้นชัก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นประเทศ และรัฐมนตรีทั้ง 4 คน ที่ไปเป็นผู้บริหารพรรคการเมืองหนึ่งจะต้องไม่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น โดยควรลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีตั้งแต่มาเป็นผู้บริหารพรรคการเมืองแล้ว โปรดช่วยกันรักษาหน้าตาคนไทย หน้าตาประเทศ อย่างน้อยภายใต้กติกาพิสดาร ท่านก็เป็นผู้นำฝ่ายบริหารของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้
นายวัชระ เพชรทอง สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. ว่า ชาวบ้านพูดกันว่าเป็นการโกงเขตเลือกตั้งของผู้มีอำนาจทางการเมือง ไร้จริยธรรม ไร้ธรรมาภิบาล กกต.กลายเป็นเครื่องมือของคสช.ไปแล้วหรืออย่างไร จนชาวบ้านบอกว่า กกต.ทำตามใบสั่ง ไม่อายบ้างหรือ และจะเชื่อได้อย่างไรว่า การเลือกตั้งจะสุจริตและเที่ยงธรรม อดีตส.ส.ในระบบเขตไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยถ้วนหน้า เช่น จ.สุโขทัย กาญจนบุรี นครราชสีมา อุบลราชธานี เป็นต้น แต่นายณัฎฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. บอกว่า “การแบ่งเขตครั้งนี้ทำตามความเหมาะสมของพื้นที่ภูมิภาคและจังหวัดจริงคล้ายกับการตัดเสื้อให้ตรงตามรูปแบบของแต่ละจังหวัด” ถามว่า มันจริงตามที่พูดหรือไม่ พูดแล้วเป็นเกียรติเป็นศรีต่อองค์กรหรือไม่ ถ้ากกต.เป็นองค์กรอิสระ ยุติธรรมและไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร ทำไมจึงมีเสียงทักท้วงทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะที่จ.สุโขทัยกกต.แบ่งเขตตามที่นาย ส. ขอมาใช่หรือไม่
“การประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งแรกของกกต.ฉบับที่นายอิทธิพร บุญประคอง ลงนามส่งให้ไปลงราชกิจจานุเบกษาที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ก่อน พรรคไหนฉีกทิ้งแล้วมีประกาศคสช.ที่16/2561ออกมาแทรกแซง กกต. จนมีประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งฉบับใหม่ ถามว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ทำเช่นนี้จะก่อให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อ กกต.และสังคมในอนาคต ทั้งนี้กกต.และข้าราชการทุกกระทรวง ควรดูตัวอย่างกรณีพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานกกต. ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกพร้อม กกต.ชุดดังกล่าว ไว้เป็นอุทาหรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะอำนาจไม่ว่าจะยิ่งใหญ่อย่างไร ก็ต้องมีวันหมดอายุ และหากใช้โดยไม่ชอบด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม คุกเท่านั้นคือ ปลายทางของข้าราชการที่ประพฤติมิชอบเหล่านี้ ผมจึงขอส่งกำลังใจให้กกต.รักษาความเป็นองค์กรอิสระเอาไว้ให้ได้ อย่าให้เหมือนอดีตประธานกกต.ที่ต้องติดคุกด้วยความอัปยศ"