โบรกฯคาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง กังวลสงครามการค้ากระทบเศรษฐกิจโลกชะลอ

โบรกฯคาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง กังวลสงครามการค้ากระทบเศรษฐกิจโลกชะลอ

บล.เอเอสแอล คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง จากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ส่งผลกระทบเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ด้านโกลด์แมน แซคส์ แนะนักลงทุนเพิ่มสัดส่วนถือครองเงินสด และเลือกลงทุนหุ้น defensive

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเอสแอล คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ มีโอกาสที่จะปรับตัวลง เป็นผลของแรงกดดันจากปัจจัยต่างชาติเป็นหลักโดยตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงกังวลกับผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนซึ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง

สอดคล้องกับที่GoldmanSachs ได้ออกรายงานทิศทางการลงทุนประจำปี2562โดยแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดและเลือกลงทุนในหุ้น defensive ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มปลอดภัย โดยให้ความเห็นว่าเงินสดจะเป็นสินทรัพย์ที่สามารถแข่งขันกับหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง และให้ผลตอบแทนไม่มากนัก ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯและแรงกดดันจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน


รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน(สภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส3/2561 ออกมาอยู่ที่ 3.3% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.2%) ตามตัวเลขการส่งออก และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัวลงไป จากการกีดกันการค้า ค่าเงินหยวนอ่อนค่า และโศกนาฏกรรมเรือล่มที่ภูเก็ต


นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจหดตัว ยังส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์ของน้ำมันโลกปรับตัวลง สวนทางกับกำลังผลิตของกลุ่มประเทศใหญ่ๆ ทั้งสหรัฐฯ และ OPEC ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงกว่า 6.6% กดดัน Sentiment การลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันดัชนี CBOE VIX ก็ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเดือน สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่มีความมั่นใจที่จะกลับเข้ามา
ลงทุนในเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือความคืบหน้าของการพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในที่ประชุม G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. โดยสัญญาณที่ออกมาจากก่อนหน้ายังคงไม่ชัดเจน และสร้างความกังวลให้กับตลาดมาก

สำหรับกลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐานยังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือก SelectiveBuyโดยเน้นกลุ่มDomesticPlay แม้GDPไตรมาส3/2561จะเติบโตในอัตราชะลอตัวแต่มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส4/2561,กลุ่มที่ได้ประโยชร์จากโครงการ EEC ทั้งผู้รับเหมา วัสดุก่อสร้าง และนิคมอุตสาหกรรม และ สะสมหุ้นพื้นฐานดีบางตัวยัง Laggard อยู่ โดยแนะนำ AOT, CPALL ,PLANB ,UTP ,SCC, STEC, SEAFCO, AMATA และ WHA