AUCT - ซื้อ

AUCT - ซื้อ

รถล้นลานประมูล พร้อมกับปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี61-62

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • กำไร 3Q61 เท่ากับ 49.86 ลบ. (+51.6%YoY +1%QoQ) : เติบโตตามยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่ 3Q61 +22.2%YoY อีกทั้งการเกิด Economies of Scale ของธุรกิจ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.9% จาก 2Q61 อยู่ที่ระดับ 46.3% ทั้งนี้ การเติบโตหลักมาจากรายได้จากการประมูลรถยนต์และรถเกษตรกร (คิดเป็นสัดส่วน 76% ของรายได้รวม) +26.9%YoY +22.4%QoQ ส่งผลให้กำไร 9M61 เท่ากับ 119.54 ลบ. (+54.3%YoY) โดยคิดเป็น 93% ของประมาณกำไรทั้งปี

  • Update สถานการณ์ปัจจุบัน และช่องทางการเติบโต :
  1. วันที่ 30 พ.ย.61 มีการเปิดตัว Application บนโทรศัพท์มือถือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้าง Demand แก่ผู้ที่มาประมูลรถ(รายย่อย) ในการแสดง ราคารถปิดของการประมูลในแต่ละวัน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ และการ Liveสด ณ ลานประมูล
  2. มีการทำ Big Data เก็บสถิติพฤติกรรมผู้บริโภค ตย.เช่น 1) รุ่นของรถที่ผู้บริโภคสนใจ 2) ราคารถปิดการประมูล 3) จำนวนเคาะไม้ประมูล เป็นต้น นอกจากนี้ BOT ยังนำสถิติดังกล่าวไปใช้ในการอ้างอิงราคาตลาดรถมือสองอีกด้วย
  3. 3 จับมือเป็นพันธมิตรกับ “เบนซ์ทองหล่อ” เพื่อนำรถเบนซ์เข้ามาร่วมประมูล และจับมือกับ “TOYOTA BUZZ” เพื่อส่งรถเข้าร่วมประมูลเฉลี่ยเดือนละราว 200 คัน
  4. ทำการปรับปรุงคลังสินค้า ให้เป็นลานประมูล (ปัจจุบันมี 28 สาขา แบ่งเป็น ลานประมูล 8 สาขา และ 20 สาขาเป็นคลังสินค้า)
  5. มีแผนเพิ่มช่องทางหารายได้ค่าธรรมเนียม : ให้บริการแบ่งเกรดคุณภาพรถ คิดค่าธรรมเนียม 400 บาทต่อคันและรับประกันคุณภาพรถ 400 บาทคิดเป็นค่าธรรมเนียมรวม 800 บาทต่อคัน นอกจากนี้ ยังมีคิดค่าบริการรับส่งรถอีกด้วย
  • สต็อกรถยนต์ล้นลานจอดรถ + รายย่อยเริ่มเข้าร่วมประมูล : ถือเป็นสัญญาณที่ดีของบริษัทฯ เนื่องจากปัจจุบันมีรถยนต์รอประมูลจำนวนมากจนล้นสถานที่จอดรถ รวมทั้งไม่มีความกังวลว่าจะเกิด Supply ส่วนเกิน เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาประมูลเป็นเต้นท์รถมือสอง ซึ่งมีการแข่งขันเพื่อแย่งชิงรถระหว่างกันค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ภายหลังจากที่บริษัทฯเริ่มทำการประชาสัมพันธ์การจัดการประมูล ทั้งทาง Live Facebook และทาง Social Media อื่นๆ ก็เริ่มมีลูกค้ารายย่อยเข้าร่วมประมูลเพิ่มขึ้น ขณะที่สต็อกรถยนต์ที่เริ่มล้นลานจอดรถ เริ่มสะท้อนออกมาให้เห็นในรายได้จากการประมูลแยกประเภทตาม (Figure 1)

  • คาดกำไร 4Q61 เติบโต 8%YoY แต่อาจหดตัวราว -9.3%QoQ พร้อมทั้งปรับประมาณการกำไรปี 61 +58.5%YoY และปี62 +18.9%YoY : ถึงแม้กำไรอาจหดตัว QoQ เนื่องจาก 3Q61 กำไรเติบโตค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม กำไรยังคงเติบโต YoY ตามการเติบโตอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศที่คาดว่ารถยนต์นั่ง (Passenger Car) จะเติบโตกว่า 10%YoY (ที่มา : Toyota) ประกอบกับการเร่งนำรถเก่ามาขายให้ทันก่อนสิ้นปี (ก่อนที่รถจะตกรุ่น) อีกทั้ง ยังมีสัญญาณที่ดีจากจำนวนสต็อกรถยนต์รอประมูลล้นลานจอดรถ นอกจากนั้น ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 61 อยู่ที่ราว 164.8 ลบ. +58.5%YoY และปรับประมาณการกำไรปี62 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 195.9 ลบ. +18.9%YoY ด้วยสมมติฐาน อัตรากำไรขั้นต้น ราว 51.3% (จากประมาณการเดิมอยู่ที่ 48%) และอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ราว 20.0% (จากประมาณการเดิมอยู่ที่ 21.6%) และปรับตัวจากปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 45.0% และ 21.6% ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ ในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale)

  • เรายังคงชื่นชอบฐานะการเงิน และความสามารถทำกำไรของบริษัทฯ : AUCT มีความสามารถในการหมุนเวียนเงินสูง (วงจรเงินสด -237.84 วัน) ส่งผลให้บริษัทดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องกู้ยืมเงินมาใช้ในหมุนเวียนในกิจการ (ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย) นอกจากนั้น ความสามารถทำกำไรในช่วง 3Q61 ปรับตัวเพิ่มขึ้น (%GPM เท่ากับ 52.9% จาก 2Q61 อยู่ที่ระดับ 46.3%) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย ขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ส่งผลให้ ROE ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 34.71% จาก 2Q61 อยู่ที่ระดับ 30.9%

  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมปี 62 เท่ากับ 8.90 บาท (จากราคาเหมาะสมเดิมที่ 8.25 บาท) : เราประเมินราคาเหมาะสมซึ่งอิง Prospective PE ที่ 25x (-1SD) ปรับลดลงจากเดิมที่เคยตั้งไว้ 30x เนื่องจากมองว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานักลงทุนส่วนใหญ่เปลี่ยนกรอบการให้ความสำคัญของช่วง PE Band จากเดิมที่เคยให้ความสำคัญในช่วง 30x ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 27.3x เราปรับใช้ Conservative PE(-1SD) ที่ 25x คาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 0.36 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 62 เท่ากับ 8.90 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบัน 38%  จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยเสี่ยง

     i) อุตสาหกรรมยานยนต์ หรือยอดขายรถใหม่ภายในประเทศหดตัว

     ii) NPL สินเชื่อเช่าซื้อ หรือรถยนต์ ปรับตัวดีขึ้น

    iii) กลยุทธ์จับกลุ่ม End User ไม่เป็นไปตามที่คาด