กังวลสงครามการค้า

กังวลสงครามการค้า

SET Index ศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลง ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจ

ทั้งประเด็นการไม่เห็นด้วยเรื่อง Brexit แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ความกังวลว่าการเลือกตั้งอาจล่าช้าออกไป นอกจากนี้ ยังจับตาการประกาศ GDP 3Q61 ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,635.83 จุด (-3.83 จุด) Volume 3.7 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -303 ลบ. TFEX Net +14,490 สัญญาตราสารหนี้ -142 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นขานรับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ว่า จีนต้องการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐและยังได้ส่งรายการสินค้าจำนวนมากให้สหรัฐได้ทราบถึงความตั้งใจของจีนที่จะเปิดกว้างทางการค้า

+น้ำมันปิดทรงตัวหลังจากที่พุ่งขึ้นกว่า 1% ในระหว่างวัน จากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนหน้า

+การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนต.ค.

+ประธาน ECB พร้อมชะลอการขึ้นดอกเบี้ยยาวนานกว่าคาด หวังรับมือศก.อ่อนแอ อีกทั้งเงินเฟ้อยูโรโซนอาจไม่ดีดตัวขึ้นตามคาด

+คสช.ออกคำสั่ง ม.44 ยืดเวลา กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง-พรรคหาผู้สมัครได้จนถึงวันสมัคร

-ประธานเฟดชิคาโก้เผยเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ 3.25% เมื่อพิจารณาแนวโน้มศก.

-  การประชุมซัมมิตเอเปกจบลงโดยไม่มีแถลงการณ์ร่วมเป็นครั้งแรกในรอบ29 ปีจากประเด็นขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ-จีน

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.79 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.83 บาท/US

*จับตาสภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ในช่วง 3Q61

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ถูกกดดันจากความกังวลสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังตกลงกันไม่ได้ รวมทั้ง Fund flow ไหลออกและความกังวล FED และกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย   โดยมีปัจจัยหนุนที่มีน้ำหนักค่อนข้างน้อยจากราคาน้ำมันปิดบวก คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ  1,625 -1,646 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

- ครม.ออกมาตรกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม AOT CENTEL ERW

- หุ้นแนะนำประจำเดือน พ.ย. AUCT XO SPALI KKP

-Low Beta High Dividend ANAN PSH QH ASK TISCO KKP SPRC TOP TKS

-เงินบาทอ่อนค่าสู่ 32.83 หนุนกลุ่มส่งออก CPF SVI XO

-หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

- MSCI ประกาศปรับการคำนวณดัชนีรอบกลางปี

Global Standard หุ้นเข้า : GULF MTC หุ้นออก :ไม่มี

Small Cap หุ้นเข้า : CBG MBK PRINC หุ้นออก : CCET DDD ICHI MONO VNG

หุ้นแนะนำพิเศษ

CPN Analyst Meeting ราคาปิด 75.25 บาท Bloomberg Consensus 88.49 บาท

  • งวด 9M61 มีกำไรปกติ 8,378 ลบ. +8%YoY อัตรากำไรขั้นต้นรวม 5% ลดจาก 50.2% ใน 9M60  และEBITDA margin 52% ลดจาก 56%  เนื่องจากการต่อสัญญาเช่าสาขาพระราม 2 และคชจ.ในการดำเนินงานศูนย์ใหม่ทำให้ฐานคชจ.สูงขึ้น ล่าสุด CPN ถือหุ้น GLAND 67.53% การรวมงบการเงินเดือนก.ย.เพียง 1 เดือนไม่มีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงาน แต่มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 43%YoY ได้แก่ อาคารสนง.ให้เช่า 3. แห่ง OR 95-100% คอนโดฯ "Bell Grand พระราม9 ขายแล้ว 98% และที่ดินเปล่า 3แปลงย่านถ.กำแพงเพชร ดอนเมือง และพหลโยธิน ด้านหนี้สินที่เพิ่มขึ้นทำให้มี net D/E เพิ่มขึ้นจาก 0.16 เท่า ณปลายงวด Q2 เป็น 0.35 เท่า ณปลายงวด Q3 แต่ยังต่ำกว่า covernant ที่ระดับ 1.75 เท่า
  • ความเห็น เรายังมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตหลังรวมพอร์ตสินทรัพย์จาก GLAND ปี 62 บริษัทมีแผนเปิดศูนย์ใหม่ตามแผนได้แก่ เซ็นทรัลไอซิตี้ที่มาเลเซียใน 1Q62 เซ็นทรัลวิลเลจราว 3Q62 เซ็นทรัลพลาซ่า-อยุธยาราว 4Q62 และโอนคอนโด 3 โครงการที่เชียงใหม่ เชียงราย และนครราชสีมามูลค่ารวม 2.2 พันลบ. ปัจจุบันขายหมดแล้ว Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 11,820 ลบ. +19% จากกำไรปกติปี 60 จำนวน 9,893 ลบ.ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นค่าสินไหมทดแทนกรณีไฟไหม้จำนวน 3.5 พันลบ.

หุ้นเริ่มซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก
ตลาด
MAI/บริการ

CMC (ราคา IPO 3 บาท)

  • บมจ. เจ้าพระยามหานคร (CMC) ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวสำหรับลูกค้าระดับกลางและระดับสูง แบรนด์ของบริษัท ได้แก่ Bangkok Feliz, Bangkok Horizon: Life Style, Chateau in Town, The Rich, Kasa Eureka และ Kasa Deva โครงการในอนาคต 10 โครงการมูลค่า 1 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นคอนโดฯ 9 โครงการและทาวน์โฮม 1 โครงการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า ปัจจุบันให้เช่าอาคารซีเอ็มซี ทาวเวอร์ใช้เป็นอาคารสำนักงานของกลุ่มบริษัทและผู้เช่าบุคคลภายนอก 1 ราย  3. รับเหมาก่อสร้างและโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และผนัง CMC มีโครงสร้างรายได้ราว 97% เป็นคอนโดมิเนียม
  • ในช่วง 9M61 มีรายได้ 1,502 ลบ. และมีกำไรสุทธิ 186 ลบ.
    +166% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 42% ส่วนอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 12% ปรับดีขึ้นจาก 5.8% ในงวด 9M60
  • จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 250 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ  750 ลบ. ใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัท ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน  และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
  • ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันในตลาด SET ที่มีค่า PER เฉลี่ยราว 17 เท่า

SSP Analyst Meeting (ราคาปิด 7.85 ซื้อ ราคาเหมาะสม 11.20)

  • ผบห. แสดงความมั่นใจว่าแผนการ COD ยังคงเป็นไปตามกำหนดการ โดยใน 4Q61 มีโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ทั้งสิ้น 1 โครงคือ โครงการโซลาร์อผศ.(5 MW) มีกำหนด COD วันที่ 22 พ.ย.  สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในมองโกเลีย(16.4 MW ) ที่จากเดิมมีแผน COD ในช่วง 1Q62 อาจเปิดดำเนินการได้ก่อนกำหนด โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างถึง 92% อีกทั้งบริษัทยังมีความสนใจในโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาความเป็นไปได้

หุ้นมีข่าว   

PTTEP ราคาปิด 133 บาท Bloomberg Consensus 162.83 บาท

·             ผู้บริหารเผยปี 62 อาจมีการ M&A ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งมีแผนขยาย Value chain ของ gas Business ไปยังโรงไฟฟ้าโดยมองโอกาสการลงทุนที่พม่า

·             บริษัท คาดราคาน้ำมันปี 62 อยู่ที่ 60-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากคาดว่า โอเปกมีส่วนสำคัญในการควบคุมอุปทานซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาน้ำมัน

·             ความเห็น คาดผลประกอบการไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานปกติมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังรับรู้การผลิตแหล่งบงกชเต็มำตรมาส อีกทั้งมีการปรับขึ้นราคาก๊าซฯ ทั้งในไทยและพม่า ด้านต้นทุนการผลิตคาดว่าจะปรับตัวลงจากไตรมาส 3 เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุง

BTS ราคาปิด 9.30 บาท มุมมอง “Neutral” Bloomberg Consensus 10.90 บาท

·             รายงานกำไร 2Q18/19 เท่ากับ 670 ลบ. +2.7%YoY เติบโตขึ้นเล็กน้อย จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชน(90% ของรายได้ทั้งหมด) เท่ากับ 14,255 ลบ. +981% ปรับตัวขึ้นจากการรับรู้รายได้การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการดำเนินงาน เท่ากับ 13,177 ลบ. +1,680% (ปรับตัวสูงขึ้นกว่ารายได้) ส่งผลให้ %NPM เท่ากับ 4.1% ลดลงจาก 2Q17/18 ซึ่งอยู่ที่ 21% อีกทั้ง ส่วนแบ่งกำไรจาก BTSGIF เท่ากับ 241 ลบ. -1.1%YoY เนื่องจากจำนวนเที่ยวการเดินทางที่ลดลงราว 1.5% ถึงแม้ว่าจะมีการปรับราคาค่าโดนสารขึ้นในเดือน ต.ค. (เพิ่มขึ้น 3.7%YoY เป็น 28.8 บาทต่อเที่ยว) ขณะที่กำไร 1H18/19 เท่ากับ 1,057 ลบ. -0.05%YoY

·             แนวโน้ม 3Q18/19 รับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างสายสีชมพูและสายสีเหลือง ที่ ณ ปลายเดือน ก.ย. สายสีชมพูแล้วเสร็จไป 11% และสายสีเหลืองแล้วเสร็จไป 10% (ตั้งเป้าเปิดให้บริการทั้ง 2 สายดังกล่าว เดือน ต.ค.64) ประกอบกับงานส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ ที่งานโยธาเสร็จไปแล้ว 100% แต่ยังเหลืองานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ที่คืบหน้าแล้วกว่า 73% ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดกำไรทั้งปี19 ราว 2,683 ลบ -39.22% มุมมอง “Neutral”

·             ประเด็นบวก EASTW : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประเมินว่าหากเกิดอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เต็มรูปแบบจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น 20% จากความต้องการใช้เดิมจากปัจจุบันมีความต้องการใช้น้ำรวมประมาณ 1,984 ล้าน ลบ.ม. อาจจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มอีก 800-1,000 ล้าน ลบ.ม.

·             ประเด็นลบกลุ่มที่อยู่อาศัย : สนช. มีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม หากมีมูลค่า 0-75 ล้านบาท คิดอัตราภาษี 0.01% มูลค่า 75-100 ล้านบาท คิดอัตราภาษี 0.03% มูลค่า 100-500 ล้านบาท คิดอัตราภาษี 0.05% 2.ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย หากมีมูลค่า 0-50 ล้านบาท คิดอัตราภาษี 0.02% มูลค่า 50-75 ล้านบาท คิดอัตราภาษี 0.03% มูลค่า 75-100 ล้านบาท คิดอัตราภาษี 0.05% มูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป คิดอัตราภาษี 0.1% ทั้งนี้ ในกรณีบ้านหลังหลัก หากเป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของที่ดินให้ได้รับการยกเว้นภาษี 50 ล้านบาทแรก ส่วนกรณีเป็นเจ้าของเฉพาะบ้านอย่างเดียว ได้รับการยกเว้นภาษี 10 ล้านบาท

ความเห็น  การเก็บภาษีเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการพัฒนาโครงการซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการจะสามารถผลักภาระไปยังผู้ซื้อได้  อย่างไรก็ดี หาก landlord ไม่มีสภาพคล่องชำระค่าภาษีก็อาจจะเร่งปล่อยขายที่ดินออกมาบางส่วนเพื่อเลี่ยงการจ่ายและน่าจะเป็นผลดีกับผู้ประกอบการ  ทั้งนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถถือครองที่ดินในระยะเวลาการพัฒนา 5 ปีเป็นช่วงเวลาให้ปรับตัว ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยเป็น “Neutral” และเลือกหุ้นอสังหาฯที่มี yield สูงเกิน 6% ได้แก่ LH (6.9%) SIRI (6.6%) PSH (6.5%) QH (6.3%)

·             -ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกก.และผู้บริหาร EARTH รวม 17 ราย กรณีสร้างหนี้เทียมเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูฯ,อินไซด์อีก 11 ราย

·             +JUBILE (ราคาปิด17.60 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 25.60 บาท) คาดผลงาน Q4/61 โตสุดในรอบปี เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่-เพิ่มสาขาในห้าง-เทศกาลปีใหม่หนุน(ที่มาInfoQuest)

·      ความเห็น ผบห.ปรับลดเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 61 ลงจาก 10% สู่ 5% ซึ่งเราถือว่าเป็นเป้าที่ยากเนื่องจาก 9M61 มีรายได้ที่ 1,124 ล้านบาททรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ไตรมาส 4/61 จะต้องมีการเติบโตอย่างมากจากไตรมาส 4/60 ที่มีรายได้สูงถึง 442 ล้านบาท (สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาอีกทั้งมีมาตรการช็อปช่วยชาติจากรัฐบาล) โดยผู้บริหารเตรียมจัดงานอีเวนท์เพิ่มเติมรวมถึงการออโปรโมชั่นเพื่อหนุนให้ยอดขายเติบโต ซึ่งเราคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากระดับ 46.7% เหลือเพียง 44-45% อย่างไรก็ตามเราคาดว่า 4Q61 จะเป็นไตรมาสทีมีผลกำไรดีที่สุดในปีนี้จากยอดขายที่จะเติบโตสูงอีกทั้งเป็นช่วง High Season