รวมพลคนพิการทั่วปท.ที่กรุงเทพฯ ทวงสิทธิ์ที่ถูกเบียดบัง

รวมพลคนพิการทั่วปท.ที่กรุงเทพฯ ทวงสิทธิ์ที่ถูกเบียดบัง

ด่วนใบสั่ง รมต.ถกปลัดพม. แฉกลโกงเงินคนพิการ หลังประกาศรวมพลคนพิการทั่วปท.ที่กรุงเทพฯ ทวงสิทธิ์ที่ถูกเบียดบัง

ผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาจังหวัดกาฬสินธุ์ เตรียมแพ็คกระเป๋าเดินทางเข้ากรุงเทพฯ รวมพลคนพิการทั่วประเทศ ให้กำลังใจประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ในการต่อสู้และเรียกร้องสิทธิคนพิการทุกประเภท หลังเกิดปัญหาร้องเรียนทุจริตเงินคนพิการในหลายจังหวัด ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของนุษย์ (พม.) ไฟเขียวให้ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์ฯ เข้าพบปลัดกระทรวง พม.พรุ่งนี้

จากกรณีผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนเรื่องเงินค่าแรงผู้ดูแลคนพิการ โครงการจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 คนละ 1 แสนบาทต่อปี หรือเดือนละเกือบหมื่นบาท ถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกด้วยวิธีให้เปิดบัญชีทำงาน จากนั้นเก็บบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีก่อนจ่ายให้รายเดือนแค่คนละ 2,000-4,000 บาท ขณะที่มีการโอนเงินเข้าจริงเกือบหมื่นบาท เชื่อมีขบวนการสูบเลือดคนพิการแฝงในระดับชมรมถึงระดับสูง เรียกร้องเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์ตรวจสอบ ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายนายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กำกับดูแล ล่าสุด นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เดินทางมาติดตามผลการตรวจสอบจากทาง จ.กาฬสินธุ์ และนางฐานิดา อนุอัน ผู้ร้องเรียนหมายเลข 1 เรียกร้องคนพิการออกมาทวงสิทธิ์ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 นางฐานิดา อนุอัน ผู้ร้องเรียนหมายเลข 1 ผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 ในฐานะผู้ปกครอง น.ส.อทิตยา อนุอัน อายุ 17 ปี กล่าวว่านับจากที่ออกมาร้องเรียนเรื่องถูกยักยอกเงินจ้างหมาบริการ ตามมาตรา 35 ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา เป็นเวลากว่า 1 เดือนนั้น ลดความกดดันลงมามาก เนื่องจากมีผู้ปกครองคนพิการฯ หลายราย ที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ได้ออกมาเป็นแนวร่วมร้องเรียน ทั้งนี้ เพื่อเรียกร้องสิทธิที่พึงมีพึงได้ตามกฎหมาย และตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิคนพิการฯ โดยเข้าแจ้งความและส่งเอกสารให้กับประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์ฯ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นางฐานิดา กล่าวอีกว่า ในส่วนความเคลื่อนไหว ในจ.กาฬสินธุ์นั้น สรุปมีผู้ปกครองคนพิการฯ ออกมาร้องเรียน 9 คน ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 ในปี 2560 และ 2561 จากโควต้าปีละ 10 คน รวมจำนวน 20 คน โดยบางคนเป็นสัญญาต่อเนื่อง ตามดุลยพินิจของประธานชมรมฯ ทั้งนี้หลังจากมีเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้น ได้เข้าแจ้งความแล้ว 6 คน โดยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการและคณะ ได้มาติดตามความคืบหน้าผลการตรวจสอบที่ จ.กาฬสินธุ์ ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ ขอเวลา 10 วันถึงจะสรุปผล

“จากวันที่ 1 ถึงวันที่ 12 วันนี้ ก็ครบ 10 วันพอดี แต่ผู้ร้องเรียนยังไม่ได้รับคำตอบจากคณะกรรมการฯ เลย ไม่ทราบว่าติดขัดตรงไหน แต่ก็เข้าใจว่าข้อมูลมาก มีความเชื่อมโยงหลายหน่วยงาน อาจจะใช้เวลาตรวจสอบนานหน่อย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลการตรวจสอบจะออกมาอย่างไร ก็พร้อมจะยอมรับผล ในส่วนที่ว่าจะได้รับการชดเชยเยียวยาหรือไม่ หรือจะชี้ว่าใครผิดใครถูก ก็เป็นในส่วนที่ทางเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการส่วนกลาง จะได้เรียกร้องต่อไป ซึ่งพวกเราทุกคนที่ออกมาร้องเรียน ก็เตรียมพร้อมที่จะเก็บกระเป๋าเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเป็นตัวแทนคนพิการทุกประเภท ทวงสิทธิ์ของตนเองและผู้พิการที่ถูกเบียดบังไป และเป็นกำลังใจประธานเครือข่ายฯ เรียกร้องความเป็นธรรมคืนกลับมาให้คนพิการ เพราะทราบว่าคนพิการถูกสวมสิทธิ์ ถูกยักยอกเงินสงเคราะห์ และสวัสดิการต่างๆมานานแล้ว” นางฐานิดากล่าว

ทั้งนี้ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อหน่วยงานภาครัฐและองค์กรอิสระ ทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี, ปปง., ปปช., ปปท, สตง, คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้มีความคืบหน้ามาก คือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการตรวจสอบกำลังกำหนดวันจะลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ในเร็วๆนี้ ขณะที่ตนก็ได้รับการประสานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เข้าพบปลัดกระทรวง พม.ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.) ซึ่งเป็นการประชุมภายใน โดยตนจะได้มอบหลักฐาน และรายงานข้อมูลลับ ซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อนด้วย