รวบ2นักธุรกิจรัสเซีย หัวร้อนขู่ระเบิดกงสุลรัสเซีย

รวบ2นักธุรกิจรัสเซีย หัวร้อนขู่ระเบิดกงสุลรัสเซีย

ตำรวจรวบ 2 นักธุรกิจรัสเซีย ตามหมายจับศาล เหตุหัวร้อนขู่ระเบิดสถานกงสุลรัสเซีย และฆ่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

วันนี้ 6 พ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ว่า ตม.ชลบุรี ได้ร่วมกับ ตร.ท่องเที่ยวพัทยา และ ตม.จว.ระยอง ติดตามจับกุมตัว MR.DMITRY REVTOVICH และ MR.ILIA GILEV สัญชาติรัสเซีย ตามหมายจับของศาลแขวงพัทยา ที่ 173/2561 และ 174/2561 ลงวันที่ 6 กันยายน 2561 ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตถูกเพิกถอน”

โดยคดีนี้ สืบเนื่องจากสถานเอกอัคราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เมื่อต้นเดือนมกราคม 2561 ว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.60 MR.DMITRY REVTOVICH สัญชาติรัสเซีย ได้เข้าไปในสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธรัฐรัสเซีย เขตชลบุรีและระยอง แล้วมีการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่กงสุล จากนั้นได้เอ่ยปากตะโกนขู่ว่าจะระเบิดสถานกงสุลฯ และฆ่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมด โดยนายดมิทรี ฯ มาด้วยกันกับนายอิเลีย กิเลฟ (MR.ILIA GILEV) โดยนายอิเลียคอยสนับสนุนนายดมิทรีฯ ในขณะที่โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่สถานกงสุลนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองการต่างประเทศ พิจารณาแล้วเห็นว่า ประเทศไทยมีพันธกรณีตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ค.ศ.1963 ข้อ 59 การคุ้มครองสถานที่ทางกงสุล “รัฐผู้รับจะดำเนินการที่อาจจำเป็นเพื่อคุ้มครองสถานที่ทางกงสุลของสถานทำการทางกงสุลที่มีหัวหน้าเป็นเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์จากการบุกรุก หรือ ความเสียหายใด และเพื่อป้องกันการรบกวนใดต่อความสงบของสถานทำการทางกงสุล หรือ การทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของสถานทำการทางกงสุล” จึงสั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงได้พิจารณาเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่ นายดมิทรี ฯ และ นายอิเลียฯ โดยแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว ปรากฏว่าทั้งสองรายเพิกเฉยและไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ตม.จว.ชลบุรี จึงได้แจ้ง สภ.เมืองพัทยา ให้ดำเนินคดี และขออนุมัติศาลแขวงพัทยา ออกหมายจับหนุ่มรัสเซียทั้ง 2 ราย ดังกล่าว

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ได้เร่งรัดให้ตรวจคนเข้าเมืองในสังกัดสืบสวนติดตามตัวหนุ่มรัสเซียทั้ง 2 รายนี้ เนื่องด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง และเป็นการแสดงออกถึงความเต็มที่ในการปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญากรุงเวียนนา