'ดอน'โล่งอก! ทุ่มทำงานต่อ ก่อนวางมือทางการเมือง

'ดอน'โล่งอก! ทุ่มทำงานต่อ ก่อนวางมือทางการเมือง

“ดอน” โล่งหลังฟังคำตัดสินศาล ขอกลับไปทำงานด้วยสมาธิเต็มที่ ลั่นวางมือทางการเมือง ไม่รับตำแหน่งใดๆหลังเลือกตั้ง ค้านดึงองค์กรต่างชาติสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ย้ำไทยมีศักดิ์ศรีพอ ปชช.ดูแลการเลือกตั้งเองได้

เมื่อวันที่ 31 ต.ค.61 เวลา 15.00 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลว่า ถือว่าเรื่องยุติแล้ว หลังจากนี้ต้องกลับไปทำงานด้วยสมาธิที่เต็มที่เนื่องจากยังมีงานสำคัญรออยู่อีกมาก ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าใช้เวลา 6 เดือน ในการเตรียมเอกสารเพื่อประกอบคำชี้แจงต่อศาล โดยเฉพาะในเดือนพ.ย.ซึ่งไทยจะเป็นประธานอาเซียน ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ส่วนบทบาททางการเมืองหลังจากนี้ขอยืนยันว่า จะไม่เข้าไปอยู่ในสังกัดของพรรคการเมืองใด และไม่สมัครสมาชิกพรรคใด ในประทศนี้มีทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ. พูดให้ชัดคือหลังการเลือกตั้งจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆในทางการเมือง แต่ถ้าจะมานั่งพูดคุยปรึกษาหารือในเรื่องการต่างประเทศ ซึ่งตนมีความถนัดก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ และยอมรับเหตุผลของการตัดสินใจมาจากปัญหาด้านสุขภาพ ไอมานาน 6 เดือนยังไม่หาย

ส่วนข้อเรียกร้องให้มีองค์กรต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนั้น. นายดอนกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการเลือกตั้งเป็นกิจการภายในของประเทศ แต่ละประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องให้ต่างชาติเข้ามาจับตามอง โดยประชาชนแต่ละประเทศมีความสำคัญและจำเป็นมากกว่า สามารถสังเกตการณ์การเลือกตั้งของประเทศตัวเองได้ดีกว่าคนต่างชาติ. นอกจากนี้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นถือเป็นการนับหนึ่งใหม่ ดังนั้นการดูแลปกครองตัวเองที่ยังต้องให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์จึงไม่เป็นมงคลของการเริ่มต้นใหม่ โดยที่ผ่านมาการเลือกตั้งที่ถูกต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์จะเกิดกับประเทศที่มีปัญหาไม่ดี สำหรับไทยเป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรี คงไม่อยากถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีปัญหา

“รัฐบาลปัจจุบันมาจากการรัฐประหารก็จริง แต่แตกต่างจากรัฐประหารทั่วโลก เพราะไม่มีการห้ามหรือริดรอนสิทธิความเป็นอยู่ของประชาชน และไม่ได้ทำอะไรเกินเลยจนกระทบความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่. มีทูตบางประเทศมาคุยกับผม ยกมาตรา 112 มาสอบถามว่าทำไมต้องมีกฎหมายริดรอนการแสดงความเห็น ผมก็ได้ถามกลับไปว่าประเทศของท่านไม่มีมาตรการหรือข้อบังคับเฉพาะเรื่องหรืออย่างไร ในประเทศไทยมาตรา 112 นั้นคนไทยรับรู้กันดี หากลองนับจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วย ก็จะพบว่ามีแค่หยิบมือเดียวแล้วจะเป็นปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา ส่วนมาตรการพิเศษต่างๆที่ออกมาทำเพื่อประโยชน์บ้านเมืองความสงบเรียบร้อย ข้อห้ามการชุมนุมทางการเมืองก็เพื่อให้บ้านเมืองสามารถเดินต่อไปได้ ในเรื่องความคิดความเห็นสามารถแสดงออกผ่านสื่อต่างๆ ในช่วง 4ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีข้อห้าม” นายดอนกล่าว