ผู้การฯนครบาล 4 เผยตำรวจเร่งสอบคดีหญิงวัย 72 ดับคาคลินิก ย่านทาวน์อินทาวน์ สอบสวนพบแพทย์ฉีดยาชาให้ 24 เข็ม ก่อนจะมีอาการผิดปกติ
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2561 พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญ ผกก.สน.วังทองหลาง พร้อมชุดสืบสวนสอบสวน ได้ประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีหญิงวัย 72 ปี เสียชีวิตขณะเสริมความงามด้วยการร้อยไหมบริเวณใบหน้า ภายในคลินิคดังแห่งหนึ่ง ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ ประมาณ 6 ชั้น เปิดเป็นคลินิกเสริมความงาม ย่านทาวน์อินทาวน์ แขวงและเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.ธีระพงษ์ กล่าวภายหลังเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีว่า เบื้องต้นมีการสอบปากคำแพทย์เจ้าของคลินิก พยาบาล และผู้ช่วยฯ รวมแล้ว 3 ปาก ทราบว่าผู้ตายเข้ามารับบริการตั้งแต่ช่วงบ่ายสี่โมงเย็นวานนี้ (11ต.ค.) โดยก่อนรักษามีการฉีดยาชาทั้งหมด 24 เข็ม เข็มละ 0.5 ซีซี. รวมทั้งหมด 12 ซีซี. หลังจากนั้นไม่นานก็มีอาการผิดปกติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตต้องผลการชันสูตรพลิกศพ จากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ อีกครั้ง
ทั้งนี้ ได้สั่งให้ชุดสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องเช่น เคยเปิดคลินิกที่ไหนบ้าง มีบุคลากรกี่คน แต่ละคนมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ นอกจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติยาทุกประเภท ว่านำเข้ามาจากไหน อย่างไร รวมทั้งตรวจสอบอาคารที่ตั้งของคลินิคว่ามีความผิดเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.อาคารด้วยหรือไม่ มีการต่อเติม ดัดแปลงหรือไม่อย่างไร
ทางด้าน พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญ ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สี่โมงเย็นเมื่อวานนี้ และจากการสอบปากคำแพทย์ทราบว่า ผู้ตายเคยเข้ารับการรักษามาตั้งแต่ปี 2555 แต่เป็นคลินิกอีกสาขา เป็นคนรู้จักกันมาก่อน โดยเคยศัลยกรรมใบหน้า แต่เมื่อวานเป็นการร้อยไหม โดยการร้อยไหมขั้นตอนแรกจะมีการแปะยาชา ซึ่งได้มีการทดสอบแล้วได้ผล และไม่มีอาการแพ้ จึงทำการฉีดยาชา หลังจากฉีดยาเสร็จแพทย์ก็ไปเข้าห้องน้ำ พยาบาลผู้ช่วยจึงแจ้งว่า คนไข้มีอาการผิดปกติ มีความดันต่ำ ดังนั้น จึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะประสานโรงพยาบาลใกล้เคียงมาช่วย
“ทราบว่า ประมาณทุ่มครึ่ง ทางคลินิกฯ ได้โทรหาหมายเลขฉุกเฉิน1669 ปรากฏว่า ผู้ตายเสียชีวิตแล้ว จากการสอบถามแพทย์เจ้าของคลินิก ทราบว่า คลินิคแห่งนี้เป็นแห่งที่สอง ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุญาตเปิดกิจการสถานพยาบาล เบื้องต้น พนักงานสอบสวน มีการแจ้งข้อกล่าวหาประกอบกิจการสถานพยาบาล โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกฎหมายอาญา ว่าด้วยกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น พนักงานสอบสวนขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน”
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบสถานบริการ สถาพยาบาลทุกประเภทในพื้นที่ว่ามีการได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่มีใบอนุญาตก็จะมีการกวดขันจับกลุ่มต่อไป