คนขับรถตู้ชนลากจยย.ขึ้นทางด่วน มอบตัวแล้ว แจ้ง 2 ข้อหา

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “พลสิทธิ์ เลิศนภาพงศ์ โต้งเมฆา” โพสต์คลิปวิดีโอที่รถตู้สีขาวขับในลักษณะหวาดเสียว ก่อนจะชนและลาก รถจยย. และหลบหนีขึ้นทางด่วน โดยคนในคลิประบุว่า เป็นการขับชนแล้วหนี เหตุเกิดวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 4 ต.ค ที่สน.มักกะสัน นายอำนาจ แซ่ลิ้ม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 197 ม.3 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา คนขับรถตู้คันดังกล่าวเดินทางเข้ามอบตัวกับทางสน.มักกะสัน โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวไว้ภายในห้องสืบสวน และยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ

จากการสอบสวนนายอำนาจให้การว่า จังหวะเกิดเหตุมีการเฉี่ยวชนและทำร้ายร่างกายกันจริง จากนั้นจึงได้ขับรถตู้ออกไป ทางผู้บาดเจ็บได้ขี่จยย.ตามมา พร้อมกับรถจยย.อีกหลายคัน จึงเกิดความกลัวเลยขับรถหนี จนมาถึงก่อนขึ้นทางด่วน ผู้เสียหายได้ขี่จยย.ปาดหน้าตนเอง ซึ่งทางผู้เสียหายได้ลงจากรถ ตนเกิดความกลัวจึงขับรถชนจยย.เพื่อหนี จนกระทั่งเป็นข่าว จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว

ด้านนายศุกล เครือแสน อายุ 22 ปี พนักงานขับรถพยาบาล รพ.ปิยะเวท ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุ วันนี้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม และทราบว่าผู้ต้องหาเดินทางมามอบตัว ทั้งนี้นานศุกลยืนยันว่าคดีนี้จะไม่มีการยอมความ โดยจะแจ้งข้อหาพยายามฆ่า เพราะผู้ต้องหาตั้งใจขับรถชนตน ซึ่งจะต้องดำเนินคดีถึงที่สุด

เบื้องต้นตำรวจพบว่าคดีนี้ไม่เข้าข่ายพยายามฆ่า เพราะตอนเกิดเหตุทางผู้บาดเจ็บไม่ได้อยู่บนรถจยย. ซึ่งตามกฎหมายไม่เข้าองค์ประกอบพยายามฆ่า แต่จะดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป ส่วนคดีทะเลาะวิวาท หากผู้เสียหายประสงค์จะดำเนินคดีก็ให้ไปแจ้งความที่สน.ดินแดง ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุต่อไป

สำหรับรถตู้คันดังกล่าวที่ผู้ต้องหาขับมานั้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นรถเช่าของบริษัท ควอลิตี้ เรนท์ อะ คาร์ ตั้งอยู่เลขที่ 26/58 ถนนนางลิ้นจี้ ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับ การให้บริการรถเช่า รถตู้ รถอเนกประสงค์ ซึ่งผู้ต้องหาทำสัญญาเช่ารถเป็นรายปี ไว้รับส่งคน โดยทำมาแล้ว 3 ปี

ต่อมาเวลา 14.00 น. ทางพ.ต.ท.สมิต นันท์นฤมิตร รองผกก.(สอบสวน)สน.มักกะสัน ร.ต.อ.ณัฐวุฒิ รอดสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน)​สน.มักกะสัน ได้เชิญนายศุกล เครือแสน อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย และนายอำนาจ แซ่ลิ้ม อายุ 35 ปี คนขับรถตู้ มาพูดคุยเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหาย และปรับความเข้าใจกัน โดยทั้งสองได้จับมือกันต่อหน้าสื่อมวลชน

นายอำนาจ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ มีการทะเลาะวิวาทกันตามอารมณ์ ตอนเกิดเรื่องครั้งแรกตนเปิดไฟเลี้ยวเพื่อขอเปลี่ยนเลน จังหวะรถตู้เบี่ยงหัวออกเพื่อเปลี่ยนเลนนั้น อาจทำให้จยย.เสียจังหวะ หลังทะเลาะวิวาทกันจบ ตนก็อยากให้เลิกรากันไปให้เรื่องมันจบ ก็เลยขึ้นรถเพื่อที่จะกลับบ้าน ผมก็ยกมือขึ้นคล้ายลักษณะการโบกมือพร้อมกับบอกว่างั้นแค่นี้ก็จบกัน เพราะช่วงเวลานั้นรถก็จอดติดไฟแดงอยู่ ไม่คิดว่าน้องเขาจะขับรถตามมา ผมเห็นคนเยอะผมก็ตกใจ เพราะผมโดนล็อคตัวอยู่แล้วผมก็โดนต่อยผมจึงต้องหนีก่อน ส่วนที่ขับชนจยย.นั้น ตนกลัวเพราะคนมาเยอะอาจถูกรุมทำร้าย จึงขับรถหนีเห็นจยย.ผู้เสียหายจอดขวางไว้ ตนเลยเบี่ยงรถชนจยย.นิดเดียวเท่านั้น เลยโดนขอบรถไม่ได้ชนไปตรง ๆ หลังเกิดเหตุก็ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด และต้องขอโทษผู้เสียหาย และจะรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำลงไป ส่วนคลิปที่ออกไปตนมองว่ามันรุนแรงเกินจริงทำให้เหมือนว่าตนเป็นคนที่ผิดรุนแรงมากเลย ส่วนที่บอกว่าผมพยายามฆ่า ต้องขอบอกว่ามันไม่ใช่ ผมไม่ใช่ฆาตกร

ด้านนายศุกลกล่าวว่า เมื่อนายอำนาจยอมรับผิด ก็จึงอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก

ด้านพ.ต.ท.สมิต กล่าวว่า ในส่วนของสน.มักกะสันก็จะแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ก็จะทำการส่งฟ้องศาลดำเนินคดีต่อไป จากนี้ทางตำรวจจะเป็นคนกลางให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยตกลงกันในเรื่องค่าเสียหาย ส่วนจังหวะที่ทั้งสองทำร้ายร่างกายกันนั้น ทางสน.มักกะสันก็จะประสานส่งเรื่องให้ทางสน.ดินแดงท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป