'ประวิตร' ถก ศมบ. เข้มงานด้านความมั่นคง ลดเงื่อนไขขัดแย้ง

'ประวิตร' ถก ศมบ. เข้มงานด้านความมั่นคง ลดเงื่อนไขขัดแย้ง

"พล.อ.ประวิตร" ถก ศมบ. เข้มงานด้านความมั่นคง ดูแลความเรียบร้อย ลดเงื่อนไขขัดแย้ง นำไปสู่เลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2561 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ได้ประชุมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานของ ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.)  ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดยได้กล่าวขอบคุณ ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันทำหน้าที่บริหารจัดการและประสานงานกัน ในการดูแลแก้ปัญหาความมั่นคงร่วมกัน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่เชื่อมั่นในเสถียรภาพความมั่นคงและความสงบสุขของสังคมต่อเนื่องกันมา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งให้มิติงานด้านเศรษฐกิจ สังคมและด้านอื่นๆ สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ด้วยดี เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำเป็นนโยบายว่า ขอให้ร่วมกันให้ความสำคัญ ในการทำหน้าที่เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่วมกับประชาชนด้วยความจงรักภักดี พร้อมทั้งให้ตื่นตัว เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่อาจเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งและความไม่สงบสุขของสังคม และการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว ต่อเนื่องกันไป เพื่อร่วมกันรักษาบรรยากาศความสุขสงบร่วมกันของสังคม ให้เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับต่อเนื่องไปถึงหลังการเลือกตั้งทั่วไป ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เพื่อรักษากติกาทางสังคม โดยยึดประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ โดยเฉพาะการติดตามการบิดเบือนและเสนอข่าวอันเป็นเท็จในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีให้เห็นถึง การใช้วาทกรรมหยาบคาย ปลุกเร้ายั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางสังคมมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องเร่งให้ข้อเท็จจริงกับสังคมให้ทั่วถึงโดยเร็ว

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้ง ปัญหาหนี้นอกระบบ การเอารัดเอาเปรียบจากผู้มีอิทธิพล ปัญหายาเสพติดในชุมชน การจัดระเบียบทางสังคม รวมทั้งปัญหาปากท้องและความเดือดร้อนของชาวบ้าน ขอให้ร่วมกันประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดผลรูปธรรมต่อเนื่องกันไปสู่ความยั่งยืน โดยยึดหลัก “ความเท่าเทียม ทั่วถึงเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ” ทั้งนี้ ขอให้ขยายผลสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชนควบคู่กันไป