'อัจฉริยะ' แฉขบวนการค้าสำนวน เป็นเหตุให้ 'เอมี่' หลุดคดี 

'อัจฉริยะ' แฉขบวนการค้าสำนวน เป็นเหตุให้ 'เอมี่' หลุดคดี 

"อัจฉริยะ" แฉขบวนการค้าสำนวน เป็นเหตุให้ "เอมี่ หลุดคดี 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 กันยายน ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. เพื่อมอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม กรณีได้รับร้องเรียนจากพลเมืองดีว่าคดียาเสพติด ซึ่งมีนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย หรือเอมี่ จาคอป ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่ายร่วมกันทุจริตในการช่วยเหลือให้น.ส.อาเมเรีย หลุดพ้นคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดในชั้นศาล

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ได้นำหลักฐานเพิ่มเติม และพาพยานที่รู้เรื่องราวและวิธีการวิ่งเต้นล้มคดีของเอมี่ พร้อมให้ปากคำกับคณะกรรมการฯเพื่อนำเข้าสำนวน สำหรับหลักฐานที่นำมามอบให้ ผบช.น. เป็นหลักฐานการค้าสำนวนของพนักงานสอบสวน ที่นำไปให้ทีมงานของจำเลยดูเพื่อหาช่องโหว่ในการต่อสู้คดีจนชนะ โดยคดีของเอมี่ แก๊งนี้มีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 13 คน มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและพลเรือน หนึ่งในนั้นมีทนายความชื่อดังร่วมอยู่ด้วย ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกับการขายสำนวน มีด้วยกัน 3 หน่วย ตั้งแต่ชุดจับกุมถึงชุดทำสำนวน มียศสูงสุดเป็น ร.ต.อ. ถามว่าตนจะขอความคุ้มครองหรือไม่ คงไม่ขอ เพราะตนไม่กลัวตายอยู่แล้ว

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับพยานที่นำมาวันนี้ไปรู้เห็นเหตุการณ์ซื้อขายสำนวน แล้วขบวนการเหล่านี้มาจ้างให้เขาหยุดเปิดเผยข้อมูล โดยเสนอให้เงินหลักแสนบาท แต่เขาไม่รับ ส่วนคำจำกัดความของกุ้งมังกร 5 หมื่น มาจากการที่กลุ่มขบวนการดังกล่าว พาพยานไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้กับวัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร และให้เงินเขาก้อนแรกจำนวน 5 หมื่นบาท และในวงอาหารได้มีการสั่งกุ้งมังกรมารับประทานกันด้วย อย่างไรก็ตามตนยังมีพยานปากสำคัญอีกราย แต่ขอเปิดเผยรายละเอียดทีหลัง

“ตอนนี้สิ่งที่ผมทำมันเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง และถ้ามันเป็นเรื่องเท็จผมจะไม่มีที่ยืนในสังคม ดังนั้นสิ่งที่ทำในวันนี้เราต้องการดำเนินการกับคนที่ล้มกระบวนการยุติธรรม ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง นอกจากนี้ยังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ที่ทนายความคนดังทำคดีให้ ไปเรียกรับเงินวิ่งเต้นคดียาเสพติดอีก 5 คดี ในพื้นที่ตำรวภูธรภาค 7 เรียกเงินค่าวิ่งเต้นคดีละ 5 แสนบาท ทำสำเร็จไป 1 คดี ไม่สำเร็จ 4 คดี มี 2 คดีที่คืนเงินให้ผู้ว่าจ้าง และอีก 2 คดีที่ไม่คืนเงินให้ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบหาความจริง” นานอัจฉริยะ กล่าว

ด้านพล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบในการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำนายอัจฉริยะ หลังเข้าพบพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. หากมีหลักฐานพาดพิงถึงใครก็จะดำเนินการเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ของสน.ศาลาแดงนั้น ทางพล.ต.ท.ชาญเทพ สั่งการมา หากมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินคดีโดยไม่ปกป้องคนที่กระทำความผิดโดยเด็ดขาด ส่วนให้ออกจากราชการหรือไม่ ก็ต้องให้ทางพล.ต.ท.ชาญเทพ เป็นผู้ตอบคำถามดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากสอบปากคำนายอัจฉริยะแล้วพาดพิงถึงใครก็จะดำเนินการทันที ส่วนกรณีการขอเปลี่ยนคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น ทางตนยินดีที่จะเปลี่ยนให้ ซึ่งทางนายอัจฉริยะไม่ติดใจแต่อย่างใดเนื่องจากผกก.สน.สายไหม แต่ดูเรื่องการสอบสวนดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สายไหมเกี่ยวข้อง อาจจะเกี่ยวข้องกับการทำงานของตำรวจบางคนทำให้รูปคดีเสียหาย ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างรัดกุมต่อไป